- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 August 2019 16:11
- Hits: 2097
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
เมื่อวาน SET รีบาวด์ : ดัชนีฯรีบาวด์ ขึ้นมาติดกรอบบน 1,640 จุด และ ดีกว่าที่คาด โดยการปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากความคาดหวัง เชิงบวก จาก เซอร์ไพร์ตัวเลขส่งออก เดือน กค.พลิกบวก หนุน GDP ไทย 3Q มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด
ส่วนหุ้นบวกแรงเกิน 4% เมื่อวาน ได้แก่ GULF PTG JMART DDD TKN DELTA และ หุ้น Most active ที่น่าสนใจบวกดีกว่าดัชนีฯ เมื่อวาน CPALL BJC (เปิดสถานบันเทิงยันตี 4 บวกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ) และ หุ้นลงแรงกว่าตลาดยังคงกลุ่มรับเหมา CK STEC และ หุ้นแบงก์จบการรีบาวด์สั้น KBANK SCB
วันนี้คาด SET range bound ในกรอบ: คาด SET แกว่ง ขึ้นลง ในกรอบ 1630-1650 จุด หลังเมื่อวานวิ่งขึ้นรับข่าว ตัวเลขส่งออกไทย ดีเกินคาด หนุนความเชื่อมั่นต่อแนวโน้ม GDP 3Q19
ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ ยังคงแกว่งตัวเชิงบวก รอ ถ้อยแถลง ประธานเฟด วันศุกร์นี้ แม้ว่าเมื่อวาน รายงานการประชุม เฟด จะไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับการออก QE รอบใหม่ แต่ ตลาดยังคงคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือน กย.นี้ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นโลกทรงตัวในแดนบวก ไปอีกระยะ... จนกว่าจะมีปัจจัยลบต่างประเทศใหม่ๆ เข้ามากระทบ ซึ่งตอนนี้ ยังไม่น่าจะมีประเด็นลบอะไรใหม่ มากดดันตลาด
กลยุทธ์คงแนะนำ สะสมหุ้นรายกลุ่ม รายตัว ที่เชื่อมโยงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จาก ทีม ครม.เศรษฐกิจ สุดสัปดาห์นี้ คาดว่าจะ มีมาตรการเร่ง การลงทุน เพิ่มเติม ตลอดจน หุ้นรายตัว ที่รับมาตรการรัฐฯ
What to watch
(*/+) ก.พาณิชย์ รายงาน ส่งออก กค.ดีกว่าคาด : ส่งออกเดือน กค. พลิกบวก +4.28% ดีกว่าตลาดคาดที่ -2.1% และดีกว่าเดือน มิย.ที่ -2.2% ถ้าตัวเลขเดือน สค.-กย. ดีได้แบบนี้อีก คาดมีลุ้น GDP ไทย 3Q19 ฟนตัว และ 2Q19 จะเป็นไตรมาสที่ผ่านจุดต่ำสุด ตามที่ สภาพัฒน์ ประเมิน
BBL Econ team มองตัวเลขส่งออกไม่รวม ทอง ยังคง ติดลบ และ คงคาด GDP ปีนี้จะบวกเพียง +2.6%
(*) รอดู ถ้อยแถลง ประธาน เฟด ที่ Jackson Hole วันศุกร์นี้ : และ รายงานการประชุม เฟด เดือน กค. / คาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตอบสนองทันทีต่อความเสี่ยง ด้านเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจจะถดถอย ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และ จะหนุนให้ตลาดหุ้นโลกรีบาวด์ได้ หากมีการส่งสัญญาณ ช่วยผ่อนคลายความกังวลให้กับตลาด เช่น การลดดอกเบี้ยเพิ่ม และ ออก QE ใหม่ ให้เร็วขึ้น รวมถึง แนวทางนโยบายใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย
หุ้นแนะนำวันนี้
ROJNA WHA AMATA ดักมาตรการกระตุ้นการลงทุนจาก ทีม ครม.เศรษฐกิจ สุดสัปดาห์นี้
CPALL BGC BJC TFG CPF โอกาสเพิ่มยอดขายจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
PTG Visit Note: ครึ่งปีหลังยิ่งดีกว่า
ผลการดำเนินงานในช่วง 2H19 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง YoY และ HoH หนุนโดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น (คาดการณ์อัตราการเติบโตที่ระดับประมาณ 20% YoY ใกล้เคียงกับช่วง 1H19 และเติบโต HoH), ค่าการตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น (YoY), รายได้จากธุรกิจ Non-oil ที่เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง, และไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว นอกจากนั้นผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2020 กำไรสุทธิในช่วง 1H19 ที่ 948 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของประมาณการกำไรปี 2019 ของ consensus ในปัจจุบันที่ 1.41 พันล้านบาท เราคาดว่าจะเห็น consensus ปรับกำไร ปี 2019 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ PE ปี 2019 ลดลงจากระดับ 25 เท่า มาอยู่ที่ราว 18-19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงปี 2017-18 ที่ 29 เท่า เราจึงมองว่ามีโอกาสที่จะ Trading หุ้น PTG ได้ เราประเมินกรอบการเทรดทางเทคนิคเบื้องต้นในช่วง 20.00 (แนวรับ) - 23.00 (แนวต้าน) (Stop loss ที่ 19.50)
NETBAY กำไรเป็นตัวพิสูจน์
หลังจากที่ NETBAY รายงานกำไรหลักเติบโตกว่า 39% ใน 2Q19 เราคาดว่าโมเมนตัมการเติบโตจะยังคงต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งปีหลังของปีจากด้านของรายได้และอัตรากำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง (ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่) โดยจะได้แรงหนุนจากการจัดโปรโมชั่นของ e-commerce platform ทั้ง Lazada และ Shoppee ที่ทำให้ยอดขนส่งสินค้ามีปริมาณค่อนข้างมากในช่วงเวลาดังกล่าว ในเรื่องของ platform ใหม่บริษัทเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว รอเพียงรัฐบาลผลักดัน ไม่ว่าจะเป็น e-tax และ NDID เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ จากโอกาสที่จะยังคงเติบโตได้อีกมากในอนาคต
ECONOMICS ยอดส่งออกไม่รวมทองยังคงติดลบ
ยอดส่งออกเดือน ก.ค. พลิกกลับมาเติบโต 4.3% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะติดลบ 2.1% และดีกว่าการส่งออกรวมใน 7 เดือนแรกของปีที่ติดลบ 1.9% YoY อย่างไรก็ตามการพลิกกลับมาเติบโตของการส่งออกในเดือน ก.ค. นี้มาจากการส่งออกทองเป็ยหลัก (+406.9% YoY) หากไม่รวมรายการดังกล่าวการส่งออกยังคง -0.4% YoY โดยฟนตัวจากสินค้าเกษตร (โดยเฉพาะการส่งออกไก่ไปจีน เพื่อไปทดแทนการขาดแคลนหมู), อาหาร, อัญมณีและเครื่องสำอางค์ ในขณะที่กลุ่มยานยนตร์, อิเล็กทรอนิกส์ และเคมิคอลส์ ยังคงปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เรายังคงมองว่าการส่งออกจะยังคงอ่อนแอในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี เรามีการปรับประมาณการการเติบโตของ GDP ลงจาก 3.1% เป็น 2.6% สะท้อนการส่งออกที่น่าจะปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดก่อนหน้า
LH กลับมาเด่น
เราเห็นโอกาสในการเทรด LH เนื่องจาก 1) การสิ้นสุดประเด็น overhang หลังจาก GIC ขายหุ้นทั้งหมด 7% ออกไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา 2) ความประหลาดใจในเชิงบวกต่อการโอนคอนโดแบงคอคสุขุมวิท 55 ได้เร็วกว่าคาด และ 3) ผลประกอบการไตรมาส 4/19 ที่น่าตื่นเต้น หนุนโดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการขายโรงแรม เข้า REIT และ ราคาหุ้นปัจจุบันน่าเข้าซื้อเพราะ valuation ที่ PE 11.3x แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 12 บาท
Bank สินเชื่อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน กรกฏาคม
หุ้นธนาคารที่เรา cover โดยรวม สินเชื่อสุทธิเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% MoM เป็น 10.9 ล้านล้านบาทโดยอัตราการเติบโตลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ธนาคารใหญ่หลายแห่ง สำหรับ KBANK และ KKP รายงานสินเชื่อสุทธิเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% MoM สำหรับ TMB, TCAP, SCB และ KTB รายงานสินเชื่อขยายตัว 0.5% MoM, 0.2% MoM, 0.1% MoM และ 0.1% MoM ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม BAY BBL และ TISCO มีพอร์ตสินเชื่อ MoM ที่ลดลง 0.5%, 0.2% และ 0.1% เราคงน้ำหนักการลงทุน NEUTRAL โดย top pick เป็น BBL TISCO และ KKP
BGRIM ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
โซลาร์ฟาร์มในเวียดนามเริ่มดำเนินการได้เร็วกว่าแผนและมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจโดยจะรับรู้ผลประกอบการเต็มไตรมาสใน 3Q19 ทั้งนี้ BGRIM ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาอีกหลายโครงการทั่วทวีปเอเชียคาดเห็นความชัดเจนใน2H19 ซึ่งจะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและราคาเปาหมาย ผลประกอบการที่น่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ ใน 3Q19 กอปรกับโอกาสการลงทุนใหม่เพิ่มเติมจะหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวอีกด้วย เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 39 บาท
M ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
แม้การบริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ แต่ผู้บริหารมั่นใจกำไรเติบโตด้วยประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนภายใน และได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล นอกจากนี้บริษัทได้มีปรับลดการเปิดสาขาและเริ่มรุกขยายสาขาที่เวียดนาม เราจึงแนะนำ "ซื้อ" M จากผลประกอบการที่เติบโตได้ตามคาดในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด กอปรกับเงินปันผลที่ดี แม้กำไร 3Q19 อาจลดลง QoQ ตามฤดูกาล แต่จะกลับมาเติบโต YoY และ QoQ อีกครั้งใน 4Q19 มูลค่าหุ้นน่าสนใจที่ 24.3 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่ากลุ่มที่ 26 เท่า
WHA ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
การย้ายฐานการผลิตของบริษัทในประเทศจีนยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หนุนโดย Trade war, การกระจายความเสี่ยงของหลายๆ บริษัท และค่าแรงในประเทศจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดีลการเข้าซื้อโรงงานผลิตน้ำประปาในเวียดนามล่าสุดเติบโตค่อนข้างสูง สำหรับยอดขายที่ดินในครึ่งปีหลังน่าจะมีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้ง HoH และ YoY เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
Media 1 จับมือ...1 จากลา
BTS เข้าซื้อหุ้น RS ถือเป็นการเปิดประตูให้กับ VGI ในการสร้าง Synergy ร่วมกันในด้าน Data base และ Platform.
... สำหรับกระแสข่าวการเตรียมตัวย้ายบ้านไปบริหาร PPTV ของคุณประวิทย์วานนี้ส่งแรงกระเพื่อมถึงหุ้น BEC โดยเรามองเรื่องนี้เป็น 2 ประเด็น คือ จะกระทบต่อช่อง 3 ขนาดไหน? และความกังวลจากการดึงคนเพิ่มเติม ภาพรวมเราคิดว่าดีล BTS และ RS จะส่งผลบวกต่อ VGI และ RS ในระยะยาวแน่นอน ในด้านของ BEC เราคิดว่าเป็น Sentiment เชิงลบเพียงแค่ระยะสั้น
หุ้นมีข่าว
BANK
0 "กสิกร" หั่นดอกเบี้ย เงินฝากลง 0.05-0.2% ใน 7 ผลิตภัณฑ์ เผยส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยออมทรัพย์พิเศษสำหรับนิติบุคคล ด้านผู้บริหารแบงก์ยัน ไม่แตะรายย่อย นักวิเคราะห์ประเมิน หากแบงก์ทั้งระบบลดตาม เซฟภาระดอกเบี้ยถึง 2.5 พันล้าน ด้าน โบรกเกอร์ ชี้มีผลต่อ NIM แค่เล็กน้อย (ที่มา กรงุเทพธุรกิจ)
ECON
+ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายชิโร่ ชาโดชิม่า เอกอัครราชทูตญี่ปุนประจำประเทศไทย ว่า ได้หารือถึงความเป็นไปได้ของการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เส้นทางจากจังหวัดมุกดาหาร มายัง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยญี่ปุนได้แจ้งให้ทราบว่า จากการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุน (ไจก้า) ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า เส้นทางดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอและมีความน่าสนใจที่จะลงทุน (ที่มา เดลินิวส์)
ECON
+ ทุ่ม 2.1 หมื่นล.ประกันราคาข้าว "บิ๊กตู่" หัวโต๊ะถก "นบข." นัดแรก ไฟเขียว 2.1 หมื่นล้านประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด พร้อมค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 500 บาท ช่วยชาวนา 3.9 ล้านครัวเรือน ชงครม.เคาะสัปดาห์หน้า (ที่มา เดลินิวส์)
AOT
+ ปรับแผนรับโอนท่าอากาศยานจากกรมท่าอากาศยาน 4 แห่ง "อุดรธานี-บุรีรัมย์-ตาก-กระบี่" ล่าสุดวานนี้บอร์ดไฟเขียวแล้ว เตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมสัปดาห์หน้า (ที่มา: ข่าวหุ้น)
BCPG
+ เล็งขยายลงทุนโรงไฟฟาในมาเลเซีย-เวียดนาม-ลาว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมรับผลดีหลังกระทรวงพลังงานปรับสัดส่วนพลังงานทดแทนเพิ่มในแผนพีดีพี 2018 คาดครึ่งปีหลังอีบิทด้าโต 15% (ที่มา: ข่าวหุ้น)
COM7
+ เงินบาทแข็ง หนุน "COM7" ผงาดเป็นเชนค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลตอบแทนรวมในปีนี้สูงสุดในโลกที่ 72% เมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกันทั่วโลกที่มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ (ที่มา: ข่าวหุ้น)
PTG
+ ลั่นผลงาน Q3/2562 ฟอร์มแจ่ม อานิสงส์ยอดขายพุ่ง-ค่าการตลาดสดใส พร้อมตอกย้ำยอดขายปีนี้โต 20% จากปี 2561 ที่ราว 3.8 พันล้านลิตร แถมเดินหน้าขยายสาขาทั่วไทยต่อเนื่อง อัพฐานโกยเงินเพิ่ม มั่นใจแตะ 2,000 สาขา ในสิ้นปีนี้ (ที่มา: ทันหุ้น)
PF
+ เผยแนวโน้มครึ่งปีหลังโตแรง เหตุเตรียมรับรู้ยอดโอน-ขายที่ดินทำกำไรต่อเนื่อง พร้อมลดภาระหนี้ลงได้กว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่ปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับต่างประเทศ 2 โครงการ (ที่มา: ทันหุ้น)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,638.24 (+0.78%) มูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,650 / SET100 รับ 2,380 ต้าน 2,420 BSET100 รับ 10.50 ต้าน 10.60 / BMSCITH รับ 11.90 ต้าน 12.05
หัวข้อ : กลยุทธ์ทางเทคนิคหากตลาดลง...จะลงแบบไหน...ควรซื้อหรือขาย
กลยุทธ์เทคนิค:
SET Index ปิดบวกขึ้นลงสลับวัน ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคยังคงอยู่โซนล่าง Oversold ดังนั้นหากดัชนีปรับตัวลงแรงก็จะมีแรง cover short หุ้นกลับ นอกจากนี้ดัชนีกำลังทดสอบเปาแรกบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10-days EMA 1640 จุด เป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ บ่งชี้แนวต้านที่มีนัยสำคัญ ทะลุได้ถึงจะเกิดสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น
มุมมองทางเทคนิค:
เมื่อวันก่อนพูดถึงดัชนีปรับตัวขึ้นจะมีแนวต้านที่ 1670 และ 1700 จุด ดังนั้นขอมองในเคสหากดัชนีปรับลงจะเป็นอย่างไร? ลงมาน่าซื้อหรือควรขายหุ้นออก โดยแบ่งเป็น 2 เงื่อนไข 1.ดัชนีลงแต่ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ขณะที่วอลุ่มเริ่มลดลงบ่งชี้แรงขายที่ชะลอตัว กรณีนี้ดัชนีมีโอกาสขึ้นได้ไกล 2.ปรับลงทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ขัดแย้งกับค่า RSI บ่งชี้สัญญาณเตือนปลายทางขาลง
สรุป: กรณีตลาดปรับลงมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นมากกว่า
วิธีการเลือกหุ้น:
กลยุทธ์เลือกหุ้นเน้นโครงสร้างแข็งแกร่ง ราคายังไม่ได้ขึ้นมากนักพร้อมสัญญาณกลับตัวจากเครื่องมือทางเทคนิคและวางจุด Stop loss เพื่อปัองกันความเสี่ยง
Bull Signal (หุ้นสัญญาณซื้อ): BGRIM, CHG, FN
Bear Signal (หุ้นสัญญาณขาย): CK ,SEAFCO, KBANK
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +13.13% สูงกว่าตลาดที่ + 3.94%
Addition(หุ้นเพิ่ม):BGRIM, FN
Deletion(หุ้นออก): BGC, SABINA, AOT
นคงเหลือ:M,TFG, CHG, DOD, CPF, BBL, BH, RS, PTT ,WORK, GULF, PLANB, NER
Track with Technical
BGRIM (BGRI01C2001A)
แนะนำ ซื้อ
รับ 36.00
ต้าน 40.75
เหตุผล หุ้นโรงไฟฟามาแรงทุกตัว ขณะที่BGRIM ราคาปิดจ่อทะลุทำจุดสูงสุดใหม่นอกจากนี้ Trade master บ่งชี้เปาหมายบริเวณ 40.75
CHG (CHG01C2001B)
แนะนำ ซื้อ
รับ 2.38
ต้าน 2.80
เหตุผล CHG ปิดทะลุต้าน 2.4 หนุนด้วยวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้น มองโอกาสขึ้นทดสอบจุดยอดปี 2018 ที่ราคา 2.8
FN
แนะนำ ซื้อ
รับ 1.70
ต้าน 2.00
เหตุผล เครื่องมือ Stochastic บ่งชี้สัญญาณกลับตัวระยะสั้น หนุนด้วยโครงสร้างยาวเปลี่ยนเป็นขาขึ้น