- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 August 2019 16:49
- Hits: 3524
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index แกว่งสร้างฐานจากแนวรับ 1,600 จุด หลังคาดจะเริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ชัดเจนขึ้น จากการประชุม ครม.เศรษฐกิจวันนี้ ต่อเนื่องถึงการประชุมในสัปดาห์หน้า มองเป็น Sentiment บวกต่อตลาด ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,600-1,620 จุด
• Market Factor
• (watch) แม้ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด (Actual 0.7% vs Forecast 0.3%) อย่างไรก็ดี 2-10 spread ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 4 bps มีความเสี่ยงที่จะเกิดInverted yield curve อีกครั้งซึ่งเป็นสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอย
• (+) ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้กู้ร่วมที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยให้ได้รับเชื่อตามความเหมาะสมโดยหากผู้กู้ร่วมเดิมที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ให้ถือเสมือนว่ายังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น (ประชาชาติธุรกิจ)
• (watch) ติดตามการประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดแรกวันนี้ คาดมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ผ่านมาตรการสนับสนุนเงินท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง มาตรการจ่ายเงินอุดหนุนเกษตรกร มาตรการกระตุ้นการจับจ่าย และมาตรการสนับสนุนงานลงทุน
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 101.44บาท หรือลดลง 11.90% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย11,945.65ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 35,420.48 ลบ.
• Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้าเราประเมินดัชนี SET Index จะสามารถยืนเหนือ 1,600 จุด และรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ โดยแม้จะมีปัจจัยกดดันหลัง Consensus ยังคงปรับลด EPS อย่างต่อเนื่อง หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 ประกาศออกมาแล้ว แต่ยังมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรกในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งคาดมีมาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งคาดช่วยพยุงตลาดหุ้นไว้ได้ อย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนทยอยเลือกหุ้นรายตัวในหุ้นหลัก 4 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 กำไรปกติหด 3.5%QoQ จากการปิดโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ แม้คาดครึ่งปีหลังจะรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่ๆจากทั้งภาครัฐ/เอกชน)และ CPALL(ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก., GPI แม้กำไรช่วง 2Q62 ลดลง YoY และ QoQ จากการรับรู้ ค่าเช่าของจำนวนวันการจัดงานมอเตอร์โชว์ลดลง YoY รวมถึง 3Q62 และ 4Q62 ยังคงรับรู้ขาดทุนจากผลของฤดูกาล แต่คาดธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 63 จากการรุกจัดงานมอเตอร์โชว์ที่เมียนมาร์ และการเพิ่มรูปแบบ Event ใหม่ GP eRacing หนุนธุรกิจหลัก และต่อยอดสู่ธุรกิจ Gaming ในอนาคต บวกกับGPI มีจุดเด่นที่ปันผลสูง จ่ายปันผล 0.10 บ. (คิดเป็น Div. Yield5%)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้นBFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)และ ARROW(ช่วง 2Q62 กำไรโต YoYหลังมาร์จิ้นเริ่มฟื้นตัวจากต้นทุนเหล็กที่ลดลงและนโยบายการปรับราคาขายที่ดี จึงปรับเพิ่มประมาณการคาดปี 62 กำไรทั้งปีโต 10.3%YoY)
• หุ้นกลุ่มที่จะได้จากมาตรการผ่อนปรนLTV สำหรับผู้กู้ร่วม : จากข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานของ ธพ.ช่วง2Q62 พบว่าผลของมาตรการ LTV หลังบังคับใช้มา 3 เดือนผู้กู้สัญญาที่2 ขึ้นไปการกู้ซื้อบ้านยังมีการขยายตัว3.3% แต่การกู้ซื้อคอนโดหดตัว 24.8% ทำให้เรามองว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้คือหุ้นกลุ่มอสังหาฯที่มีพอร์ตคอนโดเป็นหลักได้แก่ANAN (ช่วง2H62 มีแผนเปิดตัวคอนโดอีก6 โครงการและORI (ช่วง 2H62 มีแผนเปิดโครงการใหม่เช่น The origin, Park origin และ District rayong คิดเป็น 65% ของพอร์ตในปีนี้)
15-Aug-19 Change (pts.) 14-Aug-19
SET Index 1,604.03 -15.42 1,619.45
SET50 Index 1,056.32 -9.60 1,065.92
SET100 Index 2,335.62 -21.74 2,357.36
High 1,614.08 Gainers 617
Low 1,590.51 Unchanged 317
Value (Bt m) 100,940.51 Losers 1,101
Volume (*000) 23,104,295
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.9 14.3 14.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 1.8
EV/EBITDA (x) 10.9 10.0 9.6
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.5 3.7
ROE 11.0 11.2 11.2
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 15-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution 8,068.58 9,317.29 11,807.36 8,630.17
Proprietary 151.04 (1,328.26) (5,700.66) 12,836.29
Foreign (11,945.65) (19,307.33) (35,420.47) 25,282.32
Individual 3,726.03 11,318.30 29,313.76 (46,748.79)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary