- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 August 2019 16:47
- Hits: 3378
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
เมื่อวาน SET ลงสลับรีบาวด์ : แนวโน้ม SET เมื่อวาน ยังคง Sideways down แม้ว่าช่วงบ่ายจะมีแรงซื้อคืนหุ้นใหญ่อย่าง กลุ่มธนาคาร กลับเข้ามาบ้าง แต่สุดท้ายยังไม่พอดันให้ SET ปิดกลับไปบวกได้ แต่หุ้นรายตัวที่ เราแนะ ตาม พื้นฐานกำไร 2Q19 ที่ดีมากจริงๆ ราคาหุ้นขึ้นได้ดีกว่าดัชนีฯ เช่น SAWAD OSP TQM และหุ้น กลาง-เล็ก บวกดีกว่าดัชนีฯ เช่น DDD BEC BJC TKN SAPPE เป็นต้น
ส่วนหุ้น ที่ลงแรง ฉุดดัชนีฯ ได้แก่ หุ้นรับเหมา STEC (กำไรต่ำคาด) CK ITD INTUCH (บิ๊กล็อตราคาต่ำกว่ากระดาน เทมาเส็กขาย 1.56 หมื่นลบ.) ADVANC LH...
วันนี้ลุ้นแบงก์ ดีดกลับระยะสั้น หนุนดัชนีฯ: วันนี้คาด กลุ่มแบงก์ มีแนวโน้มจะรีบาวด์ระยะสั้น หนุนดัชนีฯ จากคาด ราคาหุ้นแบงก์ที่ลงแรง "รับข่าว การลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง" Over React เกินพื้นฐานไปมาก...มีโอกาสถูก Cover short สูง...
...เมื่อพิจารณา กับ กำไรกลุ่มแบงก์ ที่หั่นลงจากการลดดอกเบี้ย MRR MOR เพียง 0.25% ซึ่งในรายงาน กลุ่มธนาคาร ของ BLS Research เมื่อวันที่ 9 สค. เราได้ปรับลดกำไรกลุ่มธนาคารลงเฉลี่ย 3% จากการปรับลดดอกเบี้ย...ซึ่งเราใช้สมมุติฐาน การลดดอกเบี้ยปีนี้ เข้าไปถึง 2 ครั้ง
ดังนั้น ด้วยราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ที่ลงเฉลี่ยเกิน 10% ในแง่พื้นฐาน ดูจะ Over-react เกินไป บวกกับ PBV กลุ่มแบงก์ ลงมาใกล้กับระดับ -2.5 SD ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2008 (วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ) เรามองว่าหุ้นแบงก์ มีโอกาสจะรีบาวด์ได้ในระยะสั้น "แต่ใน ภาพระยะยาว ยังถือว่าหุ้นแบงก์ มีความเสี่ยง Overhang จากเรื่องดอกเบี้ยขาลง และ สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คอยกดดันกำไร"
What to watch
(+) รอ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ : กำหนดวันประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดแรก 16 สค.นี้ ด้าน รมว.คลัง เตรียมเสนอมาตรการเร่งด่วน เพื่อให้ ครม.อนุมัติ ตามกระแสข่าว คาดภายใน 19 สค.นี้
(0/-) MSCI rebalance มีผลสิ้นเดือน : การปรับเพิ่ม น้ำหนักตลาดหุ้นจีนขึ้นรอบ 2 จากทั้งหมด 3 รอบ ในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลต่อเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจาก ตลาดหุ้นไทย (คาดไม่มาก +/-7000 ลบ. และ เหลือ รอบ ตค.นี้อีกครั้ง ซึ่งเม็ดเงินออกน่าจะใกล้เคียงรอบนี้)
(*/-) เทมาเส็กขาย INTUCH 257 ล้านหุ้น 1.56 หมื่นลบ. : ลามวิตกหุ้นอื่นที่กองทุนสิงคโปร์ ถือ ร่วงระนาวเมื่อวานนี้
หุ้นแนะนำวันนี้
TQM แนวรับ 41.5 ต้าน 44.5 Stop loss 40
Weekly port
เพิ่ม TQM งบ 2Q19 มีกำไร 122 ลบ. (+29% y-y) เราคาดว่า งบ 3Q19 จะเติบโต่อเนื่องอีก 25% y-y
ถอด ASAP ECL
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
Tactical
Trading Idea กลุ่มธนาคารใหญ่
กลยุทธ์ เชื่อว่าราคาหุ้นแบงก์ จะมีรีบาวด์ ได้ในช่วงสั้นนี้ โดยพิจารณาตามปัจจัย พื้นฐาน...
- อิง รายงานฝายวิจัย เมื่อ 9 สค. "กลุ่มธนาคาร" เราปรับลดคาดการณ์กำไร แบงก์ลงทันที หลังจาก กนง.สั่งลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ซึ่งเรา ให้สมมุติฐาน กนง.ลดดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง รวม 0.50% คาดกำไร BAY TMB ลดลง 5.2% KBANK -2.8% BBL -2.7% SCB -2.7% KTB -2.4%
- แต่ราคาหุ้นแบงก์ ลงแรงเฉลี่ยเกิน 10% แล้ว นับจากวันที่ กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% และราคาหุ้นแบงก์ ยังคงลงสะท้อนข่าว รับการลดดอกเบี้ย MRR และ MOR 0.25% จาก 4 แบงก์ ใหญ่ BBL KBANK SCB KTB (แต่ MLR ยังไม่ได้ลด) ในส่วนของ SCB ลด MOR เพียงแค่ 0.125%
- ราคาหุ้นแบงก์ ตอนนี้ PBV ลงมาเกือบถึง -2.5 SD ซึ่งใกล้กับ PBV ปี 2008 ที่เกิดวิกฤตฯใน สหรัฐฯ
เรา แนะนำ ซื้อ หุ้นแบงก์ใหญ่ เพื่อเล่นรีบาวด์...
เพราะ เรามองว่า แรงขายหุ้นแบงก์ แรงเกินพื้นฐานที่เราประเมินผลกระทบ เนื่องด้วยเราใส่ผลกระทบจากการลดดอกเบียใน โมเดล รวม 2 ครั้ง 0.50% ขณะที่ ราคาหุ้นแบงก์ ลงแรง กระทั่ง PBV ใกล้เครียงกับ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจฯ ปี 2008
Thai Market Strategy
SET Earnings roundup for 2Q19
สรุปกำไร 2Q19 โดยรวมของตลาด ลดลง 17%YoY และ 21%QoQ; จากทั้งหมด 26 กลุ่มอุตสาหกรรม มีเพียง 5 กลุ่มที่ กำไรดีขึ้น YoY ได้แก่ สินเชื่อบุคคล, รับเหมา (กำไรพิเศษCK), กลุ่มสื่อ (PLANB VGI), กลุ่มเหล็กและเหมืองแร่ ดังนั้นเรมีการปรับกำไรของ SET ลง จากเดิม 105 และ 113 ในปี 2019-20 ลงเป็น 99 และ 108 และปรับเปาหมายดัชนีลงเป็น 1594 จุด (โดยมอง bull case ที่ 1674 จุด)
SIRI 2Q19 profit as we expected but disappointing interim DPS
คาดยอดขาย บริษัทรายงานกำไร 285 ล้านบาท ลดลง 26%YoY และ 30%QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามคาด แต่เงินปันผลประกาศออกมาแค่ 0.02 บาท/หุ้น น้อยกว่าคาด แนวโน้ม 3Q19 เราคาดกำไรกำไรจะฟนตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ จากฐานที่ต่ำ และเรามีแนวโน้มปรับกำไรลงเพราะกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็นเพียง 34% ของประมาณการทั้งปี คงคำแนะนำถือ
COM7 ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day
คาดยอดขาย 2H19 เติบโตต่อเนื่อง หนุนโดยยอดขายสาขาเดิมที่โตดีต่อเนื่อง สำหรับยอดขายของ Apple โดยเฉพาะ iPhone คาดจะขายดี เพราะเป็นรุ่นที่ iPhone เป็น model change สำหรับธุรกิจบริหาร TRUE Shop นั้นได้ต่อสัญญาอีก 3 ปีแล้ว และเดือนหน้าบริษัทจะรับโอน True Shop เข้ามาเพิ่มอีก 30 สาขาซึ่ง COM7 ได้บริการ True Shop ที่อยู่ในห้างอื่น (นอกเหนือจาก Tesco และ BigC ด้วย) และบริษัทมีสาขารูปแบบใหม่ที่จะเปิดเดือนหน้าเพื่อเพิ่มความครอบคลุมตลาดและยังมี accessory house brand ที่จะหนุนมาร์จิ้นให้ดีขึ้น เราเชื่อว่าบริษัทจะมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เราคาดจะเห็นโฟลว์การปรับประมาณการกำไรขึ้นจากแผนธุรกิจที่ผู้บริหารให้ข้อมูล เราคงคำแนะนำ "ซื้อ"
OSP ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เรามองว่าผู้บริหารชุดนี้พาบริษัทสร้างรายได้เริ่มกลับมาเติบโตดีกว่าตลาดได้ในปีนี้ ทั้ง 2 กลุ่มสินค้าหลัก ในขณะที่การบริหารจัดการต้นทุน-ค่าใช้จ่ายนั่นทำได้ดีมากและมีแนวโน้มเพิ่ม margins ในระยะกลาง-ยาว ได้อีก ทำให้เราเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบกำไรในช่วง 10-15% ต่อปีได้ในระยะยาว บนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง-ปันผลแบบเอาใจผู้ถือหุ้น เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น BUY อีกครั้งหลังงบออกมาตามคาด, ปันผลสูงกว่านโยบาย, ราคาหุ้นถูก และเรามั่นใจในกำไรปี 2019 ที่เติบโต 15% เราจึงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 37 บาท
SAWAD ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
SAWAD แจงการปิด tender offer หุ้น BFIT ว่าได้หุ้นเพิ่มเป็น 82.04% ใส่เงิน 6 พันล้านบาท และ กิจการมองว่าการซื้อ BFIT สามารถทำ micro finance ที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ 36% ตามเกณฑ์ ธปท และ SAWAD ยังมี D/E ที่ 1.4X เพียงพอแก่การขยายฐานธุรกิจระยะยาวไม่มีปัญหาการเพิ่มทุน ทั้งนี้เราเชื่อว่า SAWAD จะรักษากำไรดีตามประมาณการเราจากสินเชื่อโตกว่า 25% และการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงปีก่อนและแนวโน้มค่าธรรมเนียมที่กลับมาเพิ่มขึ้น ในครึ่งปีหลัง โดยราคาปัจจุบันราคาหุ้น SAWAD ไม่แพง มี PER เพียง 17X (mean ที่ 24x) เราคงคำแนะนำ "ซื้อ"
IRPC ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
มุมมองจากผู้บริหารต่อแนวโน้มค่าการกลั่นใน 2H19 เป็นบวก สำหรับตลาดปิโตรเคมีใน 2H19 คาดว่าจะยังคงถูกกดดันจากสงครามการค้า รวมทั้งกำลังการผลิตใหม่ อย่างไรก็ตามอุปสงค์ตามฤดูกาลน่าจะช่วยบรรเทาการอ่อนตัวลงของอุปสงค์ในภาพรวมได้บางส่วน ทั้งนี้แนวโน้มกำไรปี 2019 ที่น่าจะอยู่ในต่ำกว่าระดับปกติของบริษัท ทำให้มูลค่าหุ้นปัจจุบันค่อนข้างแพง และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2019 อยู่ที่เพียง 1.1% เราจึงยังคงคำแนะนำ "ขาย" ทั้งนี้ในกลุ่มโรงกลั่น เรายังคงชอบ TOP (ซื้อ, ราคาเปาหมาย 88 บาท) มากกว่า เนื่องจากแนวโน้มที่ดีของผลิตภัณฑ์ middle distillate (โดย TOP มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่สูง), มูลค่าหุ้นถูกกว่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า
BANPU, BPP ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เรายังไม่เห็นแนวโน้มการฟนตัวของราคาถ่านหินในระยะสั้น นอกจากนี้เปาหมายการผลิตและต้นทุนถ่านหินในออสเตรเลียสำหรับ 2H19 ยังเป็นเปาหมายที่ท้าทายมากสำหรับ BANPU อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว เราจึงคงคงคำแนะนำ "ถือ" BANPU ในขณะที่ BPP มีแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสกว่า และยังมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลสูงขึ้นด้วย ทำให้เราชอบ BPP มากกว่าและคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย สิ้นปี 2019 ที่ 27.50 บาท
Property (กลุ่มบ้าน) ธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV สำหรับกรณีการกู้ร่วม
ธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV สำหรับกรณีการกู้ร่วม หากผู้กู้ร่วมไม่มีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัย ให้ผ่อนปรนเสมือนว่ายังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้กู้ร่วมที่ไม่มีกรรมสิทธิ ให้ได้รับสินเชื่อตามความเหมาะสมมากขึ้น.
ความเห็น: อาจเป็นข่าวดีระยะสั้น เนื่องจากประเด็นนี้ SPALI เป็นแกนนำในการผลักดันการผ่อนปรนกรณีผู้กู้ร่วมดังกล่าวมาเป็นเวลานาน แต่เรามองว่าหลังจากนี้อาจมีความเสี่ยงที่ ธปท จะนำเกณฑ์ สัดส่วนภาระหนี้สินต่อรายได้ (Debt service ratio : DSR) มาใช้เพื่อควบคุมหนี้สินภาคครัวเรือน ทำให้อย่างไรเสียสถานการณ์การปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดต่อไป.
เรามองว่าผู้ได้รับผลกระทบด้านบวกมากที่สุดคือโครงการแนวราบราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่ปัจจุบันถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้นจากกรณีผู้กู้ร่วมดังกล่าวข้างต้นกู้เองไม่ได้เพราะติดกฎ LTV ที่บังคับใช้ 1 เม.ย. 2019 เป็นต้นมา โดยมอง PSH QH และ SPALI ได้ประโยน์มากสุด ดังนั้นเรามองหุ้นอสังหาฯ น่าจะเป็นแบบ "เลือกตังเด้ง" จากข่าวนี้
หุ้นมีข่าว
INTUCH
*/- โผล่บิ๊กล็อตขายหุ้น INTUCH ต่ำกว่ากระดาน 257.10 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 15,618.83 ล้านบาท วงการลือสนั่น! "เทมาเส็ก" ขายปรับพอร์ต ฟาก INTUCH ปัดไม่รู้! ยันเป็นเรื่องของผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่หากจริงเชื่อไม่มีผลกระทบการบริหาร-พื้นฐานบริษัท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ข่าวนี้ เมื่อวานทำให้ราคาหุ้นที่เข้าข่าย กลุ่มทุนสิงคโปร์ถืออยู่ ราคารูดลงเป็นส่วนใหญ่ เช่น ADVANC LH QH BTS
BTS กทม.ปัด ยืดอายุสัมปทาน 40 ปี ชี้เจรจายังไม่จบ (ที่มา ไทยโพสต์)
0 ความเห็น เราและ Consensus ไม่มีใคร รวมรายได้จาก การขยายสัมปทานตามข่าวนี้ไว้ในประมาณการณ์ ดังนั้น Valuation พื้นฐานหุ้น จะไม่ได้กระทบจาก ข่าวนี้แต่อย่างใด
COM7
* ลั่นครึ่งปีหลังโตรับไฮซีซั่น คาดมีสินค้ารุ่นใหม่ของแบรนด์ชั้นนำทยอยเปิดตัว ทั้ง Apple Samsung Huawei Oppo Vivo พร้อมรับอานิสงส์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วยหนุนต้นทุนนำเข้าสินค้าให้ถูกลง มั่นใจปี 62 มี 847 สาขา ดันรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% (ที่มา:ข่าวหุ้น)
SAMART
เตรียมรับงานอีกเพียบครึ่งปีหลัง ชี้โอกาสมาหลังองค์กรรัฐ-รัฐวิสาหกิจ เร่งปรับปรุงระบบรับเศรษฐกิจ 4.0 ยิ่งเศรษฐกิจซบรัฐยิ่งต้องใช้จ่ายกระตุ้น ชี้จุดแข็งแทรกเรกคอร์ด กับการสร้างสรรค์ระบบที่เกิดประโยชน์+ ราชการ แข่งขันไม่สูง ด้าน
SAMTEL
+ เตรียมรับงานอีก 5 พันล้านบาท ลั่นนำ STR เข้าตลาด ช่วยปลดล็อกมูลค่า แถมดันงบเหตุบริษัทขายหุ้นส่วนหนึ่ง (ที่มา:ทันหุ้น)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,604.03 (-0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 1 แสนล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,590 แนวต้าน 1,620 / SET100 รับ 2,320 ต้าน 2,350 BSET100 รับ 10.25 ต้าน 10.40 / BMSCITH รับ 11.65 ต้าน 11.80
หัวข้อ : ค้นหาแนวรับสำคัญของตลาด...บริเวณไหนห้ามหลุดเป็นอันขาด!
กลยุทธ์เทคนิค:
SET Index ส่งสัญญาณฟนตัวภายหลังจากดำดิ่งทำจุดต่ำสุดที่ 1590 จุด ตรงกับแนวรับที่ให้ไว้เปะ (Fibonacci ratio 78.6%) นอกจากนี้ผลตอบแทนปันผลของตลาดพุ่งขี้นมาที่ 3.14% เริ่มน่าสนใจดึงดูดให้กระแสเงินลงทุนไหลกลับ โดยเฉพาะหุ้นแบงค์ ไฟแนนซ์ ราคากลับมาฟนตัวเป็นกลุ่มแรก เนื่องจาก RSI ปรับตัวลงต่ำมากๆ Oversold สุดๆบ่งชี้ โอกาสกลับตัวรูปแบบ "Doji" (ต่อสู้ระหว่างแรงซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน) แนวโน้มตลาดมีโอกาสสูงที่จะฟนรีบาวด์ระยะสั้น
มุมมองทางเทคนิค:
ย้อนดูเหตุการณ์อดีตจุดเปลี่ยนโครงสร้างตลาดหุ้นไทยจากขาขึ้นเป็นลงจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนีปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญๆ เช่น ปี 1996 และ 2008 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เส้น Trend line จะเตือนก่อนเกิดเหตุข่าวร้ายนานพอสมควร ปัจจุบันดัชนีปรับตัวลงมาทดสอบเส้นแนวรับสำคัญอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่ต้องยืนกลับขึ้นไปให้ได้ มิเช่นนั้นโครงสร้างตลาดอาจจะเกิดจุดเปลี่ยนเป็นครั้งที่ 3 สรุป:รอบนี้ขอลุ้นการฟนตัวดีดกลับจากแนวรับสำคัญขึ้นไปให้ได้ครับ
วิธีการเลือกหุ้น:
กลยุทธ์เลือกหุ้นตลาดขาลงเน้นจับจังหวะการเทรดเข้า-ออกเร็ว เน้นหุ้นราคาลงแรงอยู่ในภาวะ Oversold มากๆ หรือ RSI < 30 เลือกหุ้นลักษณะเปิดต่ำปิดสูง "Hammer" บ่งชี้สัญญาณกลับตัวระยะสั้นและวางเงื่อนไขจุด Stop loss ให้ชัดเจนเพื่อปิดความเสี่ยง
*Bull Signal (หุ้นสัญญาณซื้อ): AOT, BBL, MTC, BH, TASCO
*Bear Signal (หุ้นสัญญาณขาย): EA, BANPU, STEC
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +11.67% สูงกว่าตลาดที่ +3.55%
*Addition(หุ้นเพิ่ม):AOT, BBL, MTC, BH, TASCO
*Deletion(หุ้นออก): WHA, AMATA,BEM, TRUE,ADVANC หุ้นคงเหลือ:M,TFG, CHG, DOD, CPF, NER, NETBAY, BGC, SABINA
Track with Technical
AOT (AOT01C1911A) / BBL
แนะนำ ซื้อ
รับ 68.00/164.00
ต้าน 74.00/174.00
เหตุผล หุ้นทั้ง 2 ตัวเข้าข่ายลงแรง ขณะที่ RSI บ่งชี้ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ลุ้นการฟนตัวกลับจากแนวรับที่ให้ไว้
MTC (MTC01C1912A) / BH (BH01C2001A)
แนะนำ ซื้อ
รับ 50.50/139.00
ต้าน 58.00/148.00
เหตุผล โอกาสฟนตัวจากราคาที่ลงแรง ขณะที่ RSI ลงต่ำมากๆ Oversold
TASCO (TASC01C1909A)
แนะนำ ซื้อ
รับ 17.20
ต้าน 18.50
เหตุผล TASCO สู้บนตำแหน่งแนวรับสำคัญ 17 ขณะที่ RSI เริ่มฟนเมื่อเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไปพร้อมกับ MACD รายสัปดาห์หนุนสัญญาณกลับตัวระยะสั้น