- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 September 2014 19:58
- Hits: 2619
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดมีการปรับฐาน โดยในระหว่างวันลงไปต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1585 (ต่ำสุดอยู่ที่ 1578.99 จุด)แล้วดีดขึ้นมาปิดที่ 1585.79 จุด ทางด้าน SET50 ก็หลุฟิวเตอร์ที่ 1060 เช่นกัน (ลงไปต่ำสุดที่ 1050.84 จุด) แล้วขึ้นมาปิดที่ 1056.50 จุด...สรุปว่าStop Loss Hunter ได้กินส่วนต่างไป ซึ่งตรงนี้คือความเสี่ยงอีกประการหนึ่งของนักเก็งกำไร นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเกิดจากการลดพอร์ตลงทุนของ PIMCO (Pacific Investment Management Company) ซึ่งเป็นกองทุนใหญ่อันดับ 2 ที่ประสบปัญหาขาดทุนราว 1 แสนล้านUS$ จนผู้บริหาร คือ Bill Gross ต้องประกาศลาออก และผู้ถือหน่วยมีการขายหน่วยลงทุนออกมา ในระยะสั้น ตลาดยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยมีความกังวลว่าการประท้วงในฮ่องกงอาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง รวมทั้งอาจมีผลลบต่อการท่องเที่ยวของไทยในช่วงเดือนต.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติจีน นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องการตรวจสอบหุ้นที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างหวือหวาในตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยกระตุ้น คือ แพจเกจกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งครม.จะประชุมพิจารณาในวันที่ 1 ต.ค.นี้ วันนี้หุ้นพื้นฐานที่เราแนะนำลงทุนเป็น MODERN ซึ่งประเมินว่าธุรกิจโรงแรม & อาหารจะเริ่มฟื้นได้ตั้งแต่ 2H57 และเติบโตแกร่งในปี 58 (ดูรายละเอียดเพิ่มใน Fundamental Pickวันนี้)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1585 จุดควรชะลอ/ลดพอร์ต โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1560-1550 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1610-1620 จุด ส่วนหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ประกอบด้วย VIH, STPI, CENTEL, TMB, LOXLEY, VGI, FANCY, GUNKUL (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือ SUPER, THCOM, MINT หุ้นที่หลุด List ได้แก่ KAMART
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
- ฮ่องกง : มีการชุมนุมประท้วง โดยกลุ่ม "Occupy Central withPeace and Love" มีเป้าหมายตอบโต้แผนการของจีนที่ต้องการควบคุมการเสนอชื่อบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
- สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจผันผวน ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ส.ค. -1%MoM สู่ระดับ 104.7 แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะ -0.5% ด้านการบริโภคส่วนบุคคลเดือนส.ค.+0.5%MoM ส่วนรายได้ +0.3%MoM ขณะที่อัตราการออมอยู่ที่ 5.4%ในเดือนส.ค. ลดลงเล็กน้อยจาก 5.6% ในเดือนก.ค.
• DJIA อ่อนลงแต่ยังไม่หลุดหมื่นเจ็ดพันจุด โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง41.93 จุด หรือ -0.25% ปัจจัยกดดัน คือ กังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่อาจถูกกระทบจากการประท้วงที่ฮ่องกง
• สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอนเพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 97.2 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาทองคำตลาด COMEX ขยับขึ้นเล็กน้อย สัญญาส่งมอบธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,218.8 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• สศค.คาดว่า GDP ไทยใน 2H57 อาจโตไม่ถึง 4% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ดี ดังนั้นจึงปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งปี 57 เหลือโต 1.6-2% จากเดิม 1.5-2.5% หลังประเมินส่งออกโตไม่ถึง 1% ในปีนี้ แต่ตัวเลขคาดการณ์ใหม่ยังไม่รวมมาตรการกระตุ้นระยะสั้นของรัฐบาล
• ปัจจัยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไทยสำคัญในช่วงสั้นคือการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งมีงบเหลื่อมปี 48-56 อยู่ 1 แสนล้านบาท, งบไทยเข้มแข็งคงค้าง 1.5 หมื่นล้านบาท และงบประมาณปี 57-58โดยสศค.คาดจะเบิกจ่ายงบปี 57 จริงได้ 88.2% จากเป้าหมาย 95%
• 1 ต.ค.57 ครม.จะประชุมพิจารณาแพจเกจกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยจะเป็นมาตรการที่มาจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาแหล่งเงิน เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นมาตรการเกี่ยวกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ, กระตุ้นการบริโภค & ท่องเที่ยว
- มูลค่าส่งออกเดือนส.ค. -7.4%YoY (18,943 ล้านUS$) เดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 1.14 พันล้านUS$ โดยมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร&อุตสาหกรรมเกษตร +2.7%YoY นำโดยข้าว, ผักผลไม้, ไก่สดแช่แข็ง &แปรรูป, น้ำตาล และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง สำหรับมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมส่งออก -8.7%YoY มาจากกลุ่มยานยนต์, เครื่องปรับอากาศและสิ่งทอ ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่การส่งออกยังขยายตัวได้ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ & ส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้าง สำหรับ8M57 ไทยส่งออก 150,543 ล้านUS$ (-1.36%YoY) นำเข้า 150,263ล้านUS$ (-12.69%YoY) เกินดุลการค้าเล็กน้อย 280 ล้านUS$
•/+ DBS คาดมูลค่าส่งออกทั้งปี 57 จะเป็นแค่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน อุตสาหกรรมส่งออกที่โดดเด่นในปีนี้ และคาดว่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในปี 58 คือ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์, สื่อสาร และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจส่วนนี้และเป็นหุ้นเด่น คือ KCE และ DELTA รวมทั้งอุตสาหกรรมส่งออกไก่สดและปรุงสุกแช่แข็งที่มีปริมาณการส่งออกเติบโตสดในในปีนี้ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่ขยายตัวดีมาก หุ้นเด่น คือ GFPT (ดูเพิ่มใน Econ Focus)
• ธุรกิจท่องเที่ยว : การประท้วงที่ฮ่องกงจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวในเทศกาลวันชาติจีนในต้นเดือนต.ค.นี้หรือไม่? ทั้งนี้โดยปกตินักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาไทยมากในช่วงเดือนต.ค.เพราะเป็นวันหยุดยาว
- กลุ่มยานยนต์&ชิ้นส่วน : การผลิตรถยนต์ของไทยมีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมาย ผอ.สถาบันยานยนต์เห็นว่าด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในที่เติบโตได้ช้า การส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัวไม่เร็วอย่างที่คาด ทำให้โครงการอีโคคาร์เฟส 2 ที่จะเริ่มผลิตในปี 59 ยังผลิตได้เต็มที่ในช่วงปีแรก และมีความเป็นไปได้ว่าปริมาณการผลิตรถยนต์ของไทยปี 60 จะอยู่ที่ 2.5 ล้านคัน (คาดปี 57 อยู่ที่ 2.0-2.1 ล้านคัน) จากเป้าหมายเดิมที่ 3 ล้านคัน...เป็นแนวโน้มเชิงลบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 57-60 ลดน้อยลงจาก 17% ต่อปีเป็น 7% ต่อปี
+ DELTA (ราคาปิด 63 บาท) : มีข่าวว่าบริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษจากขายหุ้นใน 3Q57 ทำให้กำไรจะเติบโตสูงจาก 2Q57 ที่มีกำไรสุทธิ1.49 พันล้านบาท สำหรับรายได้จากธุรกิจหลักบริษัทเชื่อว่าขยายตัวตามแผนที่ 10% โดยเน้นสินค้า High Margin ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องมือแพทย์ บริษัทกำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการในยุโรป โดยใช้เงินสดในมือที่มีกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 67 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]