- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 August 2019 16:11
- Hits: 2805
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic, Defensive and Dividend Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบกว้างพอสมควรตามคาดและปิดลบ 4.32 จุดโดยยังมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังกดดัน ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 7 วันทำการเกือบ 1 พันลบ. (แต่ยัง Short Index Future 3.4 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายาสุทธิเล็กน้อย 488 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบกว้างโดยระยะสั้นมีโอกาสเกิด Technical Rebound ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,670-1,675 จุดได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวหลัง Bond Yield สหรัฐฯเริ่มดีขึ้นทำให้นักลงทุนคลายกังวลเรื่อง Recession อย่างไรก็ตามเรายังคาดกรอบการบวกของดัชนีระยะนี้จะยังไม่กว้างเนื่องจากยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าที่ยังลากยาวโดยจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในเดือนหน้า ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q19 ของบ้านเราโดยรวมไม่ได้สดใส จึงยังเน้นเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวและรอจังหวะอ่อนตัวของดัชนีเข้าหาแนวรับบริเวณ 1,650 จุดเป็นจุดในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาวโดยยังเน้น Domestic Play เป็นหลัก
กลยุทธ์ : ยังเน้นเก็งกำไรหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,650 จุด
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : AMATA, BCH, MINT, SAPPE, SISB
หุ้นเด่นวันนี้: EPG
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท
- กำไรดีกว่าเราและตลาดคาด หากตัดรายการพิเศษ (fx loss และกำไรขายที่ดินของบริษัทที่เกี่ยวข้อง) เป็นกำไรปกติ 240 ลบ. +44% Q-Q (ฟื้น Q-Q เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส), -12% Y-Y ตอกย้ำว่าบริษัทผ่าน bottom แล้ว
- ธุรกิจ EPP ทำได้น่าประทับใจ แม้รายได้ทรงๆ แต่การปรับ product mix และต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ลดลงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ 18.9% แนวโน้มฟื้นต่อ ราคาวัตถุดิบถูกลง EPP มาถูกทาง กำลังซื้อค่อยๆฟื้น บาทชะลอการแข็งค่า ชดเชยผลขาดทุนของบ.ร่วมได้
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเดือนส.ค.ที่ US$17ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$99ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$30ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$124ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางงผันผวน เนื่องจากยังมีประเด็นติดตามโดยเฉพาะค่าเงิน อัตราดอกเบี้ยและการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) GFPT กำไรสดใสตามคาด 342 ลบ. +50% Q-Q, +61% Y-Y แม้ส่งออกไปญี่ปุ่นและยุโรปลดลง แต่ชดเชยได้ด้วยตลาดจีน ราคาไก่ในประเทศเพิ่มเป็น 35.7 บ/กก. ต้นทุนอาหารสัตว์ลด แนวโน้ม 2H19 ดีขึ้นเพราะ high season ราคาไก่ปัจจุบันทรงตัวในระดับที่มีกำไร เฉลี่ย 3QTD 37 บ/กก. เราคงประมาณการและราคาเป้าหมายที่ 17 บาท แนะเก็งกำไรโดยต้องติดตามจีนจะเข้ามาตรวจโรงงานไก่ส่งออกของไทย ก.ย.-ต.ค.นี้ ความเสี่ยงคือ supply กำลังเพิ่ม
(+) CBG กำไรดีกว่าคาดมาก อยู่ที่ 552 ลบ. +31% Q-Q, +163% Y-Y กำไรปกติ 561 ลบ. +34% Q-Q, +167% Y-Y สูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ จากการลดรายจ่ายใน UK ราคาวัตถุดิบลดลง รง.กระป๋องแห่งใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น กำไร 1H19 +151% Y-Y เป็น 56% ของประมาณการทั้งปี เรามีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้ขึ้น 20% เป็น 2.1 พันลบ. ปรับเป้าขึ้นเป็น 75 บาท (PE 35x) เต็มมูลค่าแล้วแนะขาย
(-) ZEN กำไรต่ำกว่าคาด น่าผิดหวัง ทำได้ 33 ลบ. +3% Q-Q, -30% Y-Y ทั้งที่เปิดสาขาเพิ่ม 22 แห่ง SSSG -1.3% Y-Y ต้นทุนอาหารและเครื่องดื่มและรายจ่ายพนักงานสูงขึ้น กำไร 1H19 +7% Y-Y กำไรปีนี้ที่เราคาด +26% Y-Y และราคาเป้าหมาย 15 บาท มี downside ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ
(-) TVO กำไรไม่สดใส 280 ลบ. -22% Q-Q, -52% Y-Y กำไรปกติ 305 ลบ. -11% Q-Q, -44% Y-Y เพราะราคาขายกากและน้ำมันถั่วเหลืองลดลง และต้นทุนสูงขึ้น กำไร 1H19 -39% Y-Y คิดเป็น 43% ของทั้งปี ราคาถั่วเหลืองผันผวนมากเพราะสงครามการค้า เราคงเป้า 26 บาท ราคาหุ้นเต็มมูลค่าปีนี้แล้ว แนะนำขาย
(-) BH กำไรต่ำกว่าคาด อยู่ที่ 725 ลบ. -33% Q-Q, -25%% Y-Y กำไรปกติ 842 ลบ. -22% Q-Q, -13% Y-Y ต้นทุนและค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้นมาก อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือเพียง 43.7% จากปกติที่ 45-46% กำไร 1H19 -6% Y-Y คิดเป็น 44% ของประมาณการทั้งปี เราปรับลดประมาณการกำไรลง 8% เป็นหดตัว -5.6% Y-Y ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 160 บาท แนะ switch เป็น BCH (เป้า 21 บาท)
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 371.12 จุด ปิดที่ 26,378.19 จุด หนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากจีนกำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนในระดับสูงกว่าการตลาดคาด
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นดีกว่าคาด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตอบรับตัวเลขการส่งออกของจีนที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของจีน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจปรับลดกำลังการผลิตลง
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,509.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้น
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 839.85 / -5.57 ตัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ส.ค. - ญี่ปุ่น: 2Q19 GDP
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
13 ส.ค. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
14 ส.ค. - ยูโรโซน: 2Q19 GDP
15 ส.ค. - ไทย: วันสุดท้ายของการส่งงบการเงินให้ตลาดฯ
- อินโดนีเซีย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
16 ส.ค. - ฮ่องกง: 2Q19 GDP
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research