WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้คาด SET Index คงแกว่ง Sideway ในกรอบ 1,660-1,675จุด แม้ตลาดตอบสนองเชิงบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยของธปท. ที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค และหนุนต่อการลงทุนภาคเอกชนในช่วงสั้น  แต่คาดถูกกลบด้วยราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับลดลงกว่า 4.7% 
•    Market Factor
•    (-) สัญญาน้ำมัน WTI และBrent วานนี้ปรับลง 4.7%DoD และ 4.6%DoD ตามลำดับหลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม 2.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะปรับลง 2.8ล้านบาร์เรล บวกกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนทำให้ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกลดลง
•    (-) กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 25 bps จากเดิม 1.75% มาอยู่ที่ 1.50%ถือเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับจากเดือน เม.ย. 58 เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่คาด 3.3% ผลจากการส่งออกสินค้าหดตัว (เดลินิวส์)
•    (-) กกร. มีมติคงคาดการณ์ GDP ปี 62 ไว้ที่ 2.9-3.3% ส่วนการส่งออกคาดติดลบ 1 ถึง -1% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะเพิ่มขึ้น 0.8-1.2% คาดทิศทางเศรษฐกิจไทย 2Q62  ชะลอตัวลง QoQ ผลจากการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศ มีสัญญาณที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง (มติชน)
•    (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 103.94บาท หรือลดลง 9.73% Year To Date
•         Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,604.76 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 15,023.04 ลบ. 
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index แกว่งในกรอบ 1,630-1,680 จุด โดยอยู่ระหว่างติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62  โดยแม้จะมีประเด็นบวกหลังกนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Surprise ตลาดลงมาที่ระดับ 1.50% แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการเสนอตั้งกองทุนทดแทน LTF บวกกับติดตามประเด็น Trade warsสหรัฐฯ-จีนอย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้ นักลงทุนระมัดระวัง และคาดมีแรงขายในช่วงที่ตัวเลข ศก. ทั่วโลกอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ๆ ในต่างประเทศยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และลงทุนในหุ้นหลักเพียง 3 กลุ่ม ดังนี้ 
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: จากภาวะศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุงศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)
•    กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.), LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี) และ SPALI (คาดราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนกำไรช่วง 2Q62 ที่คาดหดตัวทั้ง YoY และ QoQ และคาดจ่ายเงินปันผลจากผลกำไรครึ่งปีแรกราว 0.5-0.55 บ. หรือคิดเป็น Div. Yield 2.3%)
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน) และ III (ช่วง 2Q62 กำไรปกติโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
 
    7-Aug-19    Change (pts.)    6-Aug-19
SET Index    1,669.44    -2.04    1,671.48
SET50 Index    1,100.80    -1.51    1,102.31
SET100 Index    2,436.73    -3.08    2,439.81 
 
High    1,681.81    Gainers    865
Low    1,665.14    Unchanged    380
Value (Bt m)    84,465.14    Losers    813
Volume (*000)    22,790,185          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    16.5    15.1    15.1
EPS Growth (%)    13.9    9.3    3.0
EV/EBITDA (x)    11.1    10.2    9.8
FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7
Dividend Yield (%)    3.0    3.3    3.5
ROE    11.2    11.4    11.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    7-Aug-19    WTD    MTD    YTD
Institution    4,582.32    5,741.01    3,007.72    (169.48)
Proprietary    (1,002.88)    (1,437.14)    (2,388.51)    16,148.44
Foreign     (3,604.76)    (9,673.86)    (15,023.04)    45,679.76
Individual    25.33    5,369.99    14,403.83    (61,658.72)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
 
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!