CNS Daily Strategy : คาดตลาด “สร้างฐาน” ต้าน 1680/1687จุด รับ 1664/1656จุด ประเด็นการค้าเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หลังที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวเผย Trump ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงกับจีน ผสานกับทางฝั่งจีนที่กำหนดค่ากลางเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น หนุนสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มฟื้นตัว ส่วนปัจจัยภายใน ติดตามการประชุมกนง.ว่าจะลงมติคงดอกเบี้ยเป็นเอกฉันท์หรือไม่ หลังปัจจัยภายนอกและภาวะภัยแล้งรุนแรงกว่าคาด ส่วนการประกาศ MSCI Rebalance วันนี้ คาดไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออก ส่วนวันนี้แนะ Theme: “Domestic Play” AMATA, JMART, AMANAH

 

Nomura : Key Factors

• (+) Trade: ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวเผย Trump ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงกับจีน ผสานกับธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น

• (*) MSCI: การประกาศ MSCI Rebalance วันนี้ คาดไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออก

• (*) TH: ติดตามการประชุมกนง.ว่าจะลงมติคงดอกเบี้ยเป็นเอกฉันท์หรือไม่

• (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -1.94% สู่ 53.63$/bbl, BRT -1.45%สู่ 58.94$/bbl

• (-) Fund Flow: ขายหุ้น -3,416 ลบ, Short Future -1,757 สัญญา, ขาย Bond -378 ลบ

 

Nomura Daily Top Picks: AMATA, JMART, AMANAH

 

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “สร้างฐาน” ต้าน 1680/1687จุด รับ 1664/1656จุด ประเด็นการค้าเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยนายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เผยว่า สหรัฐฯต้องการจะเจรจา และกำลังเตรียมการที่จะให้เจ้าหน้าที่ของจีนเดินทางเยือนสหรัฐฯในเดือนก.ย. เช่นเดียวกันทางฝั่งปธน. Trump เองก็ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้า ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯใช้ความยืดหยุ่นในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ส่วนประเด็นที่จีนปล่อยค่าเงินหยวนอ่อนค่าแรงเพื่อตอบโต้กับสหรัฐฯนั้น วานนี้ธนาคารกลางจีนยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ และได้กำหนดค่ากลางสกุลเงินหยวนที่ระดับ 6.9683 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.9736 หยวน/ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มฟื้นตัว ส่วนประเด็นสำคัญในไทยวันนี้1) ติดตามการประชุมกนง. แม้ Nomura คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม แต่จับตาว่าการลงมติจะเป็นเอกฉันท์หรือไม่ หลังความเสี่ยงจากภายนอก รวมถึงภัยแล้งรุนแรงกว่าคาด ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)เผยภาคเอกชนคาดหวังให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ เพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและลดแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าแรงเกินไป 2) การประกาศ MSCI Rebalance วันนี้ แต่คาดไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออก และ 3) สภาหอการค้าญี่ปุ่น ส่งสัญญาณนักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุน EEC

 

Asset allocation : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำลงทุนในหุ้น 82.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 0%

 

Daily Strategy :  ถือหุ้น 82.5% แนะนำ “Domestic Play”

1. FTSE Rebalance คาดประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย  23 สค 2019 ช่วงกลางคืน มีผล  20 กย 2019 ราคาปิด โดยมีหุ้นไทย ที่คาดว่าจะถูกนำเข้าใหม่ ได้แก่ KTC(71ล้านเหรียญฯ), BGRIM(29ล้านเหรียญฯ) แนะนำเก็งกำไร

2. รัฐบาลใหม่ เตรียมกระตุ้นการบริโภคหนุน(CPALL, SABINA, ZEN, ROBINS, KAMART, JUBILE, ICHI) และแผนกระตุ้น EEC เพิ่มเติม (AMATA, WHA) อิงการลงทุน STEC, CK, SCC, PYLON

3. ไทยกำลังเผชิญภาวะภัยแล้ง หนุนกลุ่มเครื่องดื่ม (MALEE, TIPCO, ICHI, SAPPE, HTC, CBG, OSP) เครื่องปรับอากาศ (SNC) และบรรจุภัณฑ์จากแก้ว (BGC)

4. เงินทุนไหลเข้าไทยเด่นหลัง MSCI Rebalance แนะสะสมหุ้นที่เป็นเป้าของ Fund Flows และมีปัจจัยพื้นฐานเด่น แต่ราคาหุ้นยังคง Laggard เลือก ADVANC, AOT, CPALL, HMPRO, CPF, WHA, MTC, KBANK, STEC

5. AUG 2019 Top Picks แนะนำ SABINA, AMANAH, CPF, JMART, AMATA, TASCO, SCB

 

2019F Strategy : Wind of Change        

• 2H19 Best Picks :  ROBINS, CPF, CPALL, MINT, SCB, AMATA, WHA, STEC, PYLON, TASCO, KAMART    

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :    

AMATA (TP19F 25.5*):  Support 24.4/24.2 Resistant 25.0/25.5            

• Theme: Domestic Play

• Earnings Outlook: คาดกำไรทั้งปี 2019F (+51%) และระยะสั้นรายไตรมาสล้วนเด่น เริ่มตั้งแต่ 2Q19F คาด 390 ลบ. (+390% y-y, +28% q-q) จากการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็น 154 ไร่ และส่วนแบ่งรายได้โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และโมเมนตัมยังดีต่อเนื่องใน 2H19F คาดเพิ่ม h-h, y-y ตามการโอนที่ดินที่จะเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี โดยมี Backlog ที่ดินสูง 3.7 พันลบ.

• Valuation: ราคาพักตัวตามตลาด เป็นจุดเข้าซื้อที่ดี และยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เด่น โดยซื้อขายบน PER19F ใกล้เคียง Mean ที่ 14.2x ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการจะเด่นมาก   

• Catalyst: ได้ประโยชน์จาก Trade war + เป็นช่วงที่ตลาดใกล้ปรับไปใช้ TP ปี 2020F จะเพิ่ม upside จากมูลค่าเป้าหมาย + นโยบาย EEC ที่เป็น Key highlight หลักของรัฐบาล เพิ่มความสามารถแข่งขันประเทศรอบใหญ่  

 

JMART (TP19F 15.3*):  Support 11.0/10.7 Resistant 12.0/12.3            

• Theme:  Consumer Recovery & Low Interest Rate Play

• Earning outlook: คาดกำไรปี 2019F พลิกกลับมาทำ All-time high โดยได้แรงหนุนจาก 6 บริษัทลูกในเครือเจมาร์ท ( JMT, J MOBILE, SINGER, J ASSET, J FINTECH & J VENTURE ) หนุนกำไร JMART ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 520.9 ลบ.

• Valuation: คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2019F ที่ 15.30 บาทต่อหุ้น (SOTP) คิดเป็น PER19F ที่ 21.5x อยู่ที่ระดับ -0.1SD (Mean 23.6x)  

• Catalyst: คาดกำไรสุทธิ 2Q19F โตเด่น 132.1 ลบ. เพิ่มขึ้น +197% y-y, และ +12% q-q ฟื้นตัวอย่างชัดเจนเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันและสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส โดยได้แรงหนุนจากบริษัทลูก Turnaround         

 

AMANAH (TP19F 2.8*):  Support 2.30/2.24 Resistant 2.42/2.50            

• Theme: Earnings play

• Earnings Outlook: คาดกำไรสุทธิ 2Q19F เติบโตทั้ง y-y และ q-q จากการดำเนินงานกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับ พัฒนาการในการขายรถยึดดีขึ้นต่อเนื่อง และประเมินยอดสินเชื่อใหม่รายไตรมาส จะเพิ่มขึ้น +350 ถึง +400 ลบ. ต่อไตรมาส ตั้งแต่ 2Q19F ไปจนถึงสิ้นปี หนุนฐานกำไร 19F ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 218.5 ลบ. เติบโตต่อเนื่องอีก +33.5% y-y

• Valuation: ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน มี Discount โดย P/E19F เพียง 11.2x เท่า สวนทางกับฐานกำไร All-time high ประเมินซื้อขายต่ำกว่ากลุ่ม SAWAD/MTC ซื้อขายบน PER19F ที่สูง 20x/25x เท่า

• Catalyst: ราคาหุ้นซื้อขายต่ำมูลค่าพื้นฐาน หลัง Turnaround เต็มตัวแล้ว และมี Earnings momentum ดีทั้ง 2Q19F และ 2H19F

 

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)