- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 August 2019 16:41
- Hits: 3362
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาด SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,665-1,680 จุด แนะนำติดตามปัจจัย ตปท.ประเด็น Trade War สหรัฐฯ-จีน ขณะที่ในประเทศติดตามการประกาศดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจ
• Market Factor
• (+) ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางสกุลเงินหยวนที่ระดับ 6.9683 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ามากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.9736 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ตลาดคาดว่าจีนจะไม่ใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามทางการค้ากับสหรัฐฯ
• (+) ครม.เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 6.7%YoY (โพสต์ทูเดย์)
• (-) สรท. เผยตัวเลขส่งออกเดือนมิ.ย.มีมูลค่า 21,409.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.15%YoY ขณะที่ยอด 1H62 มูลค่ารวม 122,970 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังติดลบ 2.91%YoY พร้อมมองทั้งปีมีโอกาสติดลบราว 1% (มติชน)
• (watch) ติดตามการประชุมของ กนง.วันนี้(ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75%) พร้อมส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ และภาพรวมการส่งออกของปีนี้
• (watch) จับตาความคืบหน้า FETCO เข้าพบ รมว.คลังวันนี้ เพื่อเสนอตั้ง2 กองทุนใหม่ ทดแทน LTF ที่จะหมดอายุสิ้นปี
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.01บาท หรือลดลง 9.67% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,415.98 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 11,418.28 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Index แกว่งในกรอบ 1,630-1,680 จุด โดยอยู่ระหว่างติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 บวกกับติดตามผลการประชุม กนง.ในวันนี้ (ตลาดคาดคงดอกเบี้ย 1.75%) ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศในประเด็น Trade warsสหรัฐฯ-จีนทุเลาลงหลังจีนออกมายืนยันว่าจะไม่ใช้เงินหยวนในการทำสงครามการค้าอย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้ นักลงทุนระมัดระวัง และคาดมีแรงขายในช่วงที่ตัวเลข ศก. ทั่วโลกอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ๆ ในต่างประเทศยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และลงทุนในหุ้นหลักเพียง 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนในHMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่านBFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน) และ III (ช่วง 2Q62 กำไรปกติโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
6-Aug-19 Change (pts.) 5-Aug-19
SET Index 1,671.48 5.49 1,665.99
SET50 Index 1,102.31 3.85 1,098.46
SET100 Index 2,439.81 9.51 2,430.30
High 1,673.38 Gainers 777
Low 1,647.49 Unchanged 436
Value (Bt m) 70,439.73 Losers 856
Volume (*000) 22,896,475
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.0
EV/EBITDA (x) 11.1 10.2 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 6-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution 2,471.41 1,158.69 (1,574.60) (4,751.79)
Proprietary (678.30) (434.26) (1,385.63) 17,151.32
Foreign (3,415.98) (6,069.09) (11,418.28) 49,284.52
Individual 1,622.87 5,344.67 14,378.51 (61,684.05)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary