- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 August 2019 16:39
- Hits: 2649
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“จีนกำหนดเงินหยวนแข็งขึ้น คลายกังวลบางส่วน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้รีบาวด์ +5.49 จุด ปิดที่ 1671.48 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 70.4 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับขึ้นสวนทางกับเพื่อนบ้านหลังจีนกำหนดค่าเงินหยวนที่แข็งค่ามากขึ้น เก็งมาตรการกระตุ้นจากรัฐมาซื้อหุ้นกลุ่มพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มสื่อสารปรับขึ้นหลัง ADVANC งบดีกว่าคาด ผู้ซื้อสุทธิคือสถาบัน 2.5 พันล้านบาท รายย่อย 1.6 พันล้านบาท ขายสุทธิเป็นต่างชาติ 3.4 พันล้านบาท และโบรกเกอร์ขายเล็กน้อย และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเป็น 49.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: สงครามการค้าคลายลง หลังจีนกำหนดเงินหยวนแข็งขึ้น ตัวแทนการค้ากล่าวทรัมป์ยังเปิดกว้างเจรจากับจีน ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนอีกแล้วตัวเลขเศรษฐกิจเปิดรับสมัครงานออกมาอ่อน ดาวโจนส์กลับมาฟื้นตัวดี รอความชัดเจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัชนีความกังวลคลายลงมาเป็น 20.17 จุด กนง.มีประชุมวันนี้ คาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย แต่ปัจจัยลบที่ถ่วงอยู่คือ ราคาน้ำมันปรับลง เข้าหาทองคำ ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง เงินบาทอ่อน ด้านผลประกอบการ2Q62 ทยอยประกาศถึงกลางเดือนหน้า ความไม่แน่นอนของเฟด
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาสรีบาวด์ แต่ยังวางใจไม่ได้เรื่องสงครามการค้า คาดว่าหลักทรัพย์ที่ได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และเก็งกำไรผลประกอบการรายตัว กลยุทธ์ คือ ซื้อสะสม แนวต้านเป็น 1680-1690 จุด แนวรับที่ 1650-1640 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4 เท่า (Median+1 SD) กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play พื้นฐานดี แต่หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์- CPALL,BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK,STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO,TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH
# Stock Pick Today : WHA คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q62 เป็น 844 ล้านบาท โตอลังการ 179% y-o-y และ 108% q-o-q เพราะยอดโอนนิคมสูงเป็น 450 ไร่ กอปรกับกำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมสูงมากเป็น 637 ล้านบาท (+161% y-o-y, +97% q-o-q) เนื่องจากโรงไฟฟ้า Gheco-One เดินเครื่องเต็มที่หลังซ่อมบำรุงแล้วเสร็จและมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนมากจากบาทแข็ง แนะนำ ซื้อ คาดกำไร 1H62 โต 15% y-o-y และเป็นสัดส่วนเพียง 37% จากประมาณการปี 62 เพราะครึ่งปีหลังจะโอนนิคมฯได้มากขึ้น และมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs คาดว่าจะได้ประโยชน์มากจากนโยบายEEC ที่สานต่อมายังรัฐบาลใหม่
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(แรงหนุน“สภาวะOversold + Divergence”ในกราฟรายนาที) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1680 (หรือ 1690) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1660” (แนวรับย่อย “1650 / 1640”จุด} สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำNew High เข้ามาใหม่คือ AMATA,BCH,III หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ SCC,BBL,KBANK หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ ไม่มี หุ้นที่ควร Take Profit คือ COM7,UTP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ASIAN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 6.20)
HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.10)
Flash Note : DCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.50)
JASIF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 11.30)
NOBLE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 24.62)
TU (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 20.80)
In the News: ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สงครามการค้า : วานนี้จีนกำหนดเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ตลาดคลายกังวลบางส่วน ติดตามวันนี้
# นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินหยวน หลังจากธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อวานนี้ที่ระดับ 6.9683 เทียบดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.9736 เทียบดอลลาร์
# นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การที่จีนเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า จีนต้องการให้เงินหยวนมีเสถียรภาพและแข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่จีนถูกรัฐบาลสหรัฐโจมตีว่ากระทำการปั่นค่าเงินด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี เพียงเพื่อหวังผลในการแข่งขันด้านการค้า
+/• สหรัฐ: ทรัมป์ยังเปิดกว้างเรื่องเจรจาการค้ากับจีน
# นักลงทุนยังขานรับความเคลื่อนไหวในเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐ โดยนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐใช้ความยืดหยุ่นในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขณะเดียวกันนายคุดโลว์เปิดเผยว่า สหรัฐต้องการเจรจากับจีนและกำลังเตรียมการที่จะให้เจ้าหน้าที่ของจีนเดินทางมายังสหรัฐในเดือนหน้า
-/+ สหรัฐ: ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราหมุนเวียนแรงงานอ่อนลง
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์
ในตลาดแรงงาน ลดลง 36,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.3 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
-/• เฟด: ติดตามการประชุม 22-24 ส.ค.62
# เฟดจะมีการประชุมเพื่อตัดสินใจจะลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในเดือน ก.ย.62 นี้ แต่ก่อนหน้านั้นคือ 22-24 ส.ค.จะมีการประชุมแลแถลงที่เมืองแจ็คสันโฮก่อน ทำให้นักลงทุนติดตามว่าจะส่งสัญญาณไปในทิศทางใด
+ ดาวโจนส์: ปรับขึ้น สถานการณ์เงินหยวนดีขึ้น และสหรัฐเปิดกว้างเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,029.52 จุด พุ่งขึ้น 311.78 จุด หรือ +1.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,881.77 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด หรือ +1.30% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,833.27 จุด พุ่งขึ้น 107.23 จุด หรือ +1.39%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) หลังจากจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงบวกด้วยการสร้างเสถียรภาพเงินหยวน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนจะใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน
- น้ำมัน: ปรับลง กังวลสงครามการค้าจะกระทบอุปสงค์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 53.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
• ทองคำ: ปรับขึ้นต่อ เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่1,484.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
# ตามกำหนดการแล้ว วันนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงการชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ขณะที่แรงกดดันจากต่างประเทศคือ เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แล้วทำให้ไทยจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยตามน้อยลงเนื่องจากการประชุม FOMC ล่าสุด ไม่ได้ส่งสัญญาณการเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ได้มีการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ก็ตาม
-/• AOT: บันทึกค่าใช้จ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุเร็วขึ้นมาเป็น 3Q61-62 อาจทำให้กำไรต่ำกว่าตลาดคาด
# AOT เกี่ยวกับค่าเช่าที่ราชพัสดุ ดอนเมืองราว 243 ล้านบาท จะบันทึกเร็วขึ้นเป็น 3Q61-62 (สิ้นสุด 30 มิ.ย.62) จากเดิม4Q61-62 (สิ้นสุด 30 ก.ย.62) ทำให้งบกำไรขาดทุนที่จะประกาศประมาณ 13 ส.ค.62 ดูต่ำกว่าตลาดคาด อาจทำให้ดูน่าผิดหวัง แต่เป็นเพียงรายการพิเศษ และยังไม่จำเป็นต้องปรับประมาณการทั้งปีลง คงคำแนะนำ ซื้อ AOT ราคาพื้นฐาน 80บาท
-/• JAS: กำไรสุทธิ 2Q62 ดูอ่อนมาก แต่กำไรหลักอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
# ประกาศกำไรสุทธิ 2Q62 ดูลดลงมากถึง 39% y-o-y เป็น 2.2 พันล้านบาท แต่เป็นเพราะกำไรพิเศษจากการขายหุ้นJASIF 2Q62 เป็น 1.73 พันล้านบาท ขณะที่ฐาน 2Q61 สูงเป็น 3.7 พันล้านบาท หากพิจารณาเฉพาะกำไรหลักค่อนไปทางทรงตัว 2Q62 เป็น 492 ล้านบาท เทียบ y-o-y ที่ 501 ล้านบาท ลดลง 2% ราคาหุ้นตกลงมาก หลังข่าวจะมีผู้มาซื้อกิจการไม่เป็นจริง แต่มีข่าวดีในอนาคตคือ มีโอกาสปันผลพิเศษสูงหลังขายสินทรัพย์เข้า JASIF ในกรณีที่ดีคือ สามารถขายได้ทันภายในปีนี้
+ BEM: มีโอกาสคลี่คลายไปในทางที่ดี
# "ศักดิ์สยาม" รมว.คมนาคม ตั้งปลัดคมนาคมสรุปแผน เคลียร์ค่าโง่ทางด่วน ขีดเส้น 15 วันจบ ชง ครม.เคาะแนวทาง ด้านกมธ.ถกนัดสุดท้ายร่วม "บีอีเอ็ม" ชี้แจงยอมจบ ทุกคดีความแลกต่ออายุสัมปทานทางด่วน ยืนยันอยากร่วม ทำโครงการกับภาครัฐต่อ (กรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]