- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 August 2019 16:36
- Hits: 2889
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาด SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,675-1,690 หลังตลาดรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว และอยู่ระหว่างการประเมินปัจจัยใหม่สัปดาห์นี้จากทั้ง ท่าทีของ ธปท.ต่ออัตรา ดบ.นโยบาย และท่าทีการตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ในประเด็นสงครามการค้าต่อไป
• Market Factor
• (-) จีนกำลังเตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. 2562
• (+) ส.อ.ท. เผยรัฐบาลเตรียมทบทวนนโยบายแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่(PDP 2018)เน้นส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบพลังงานมากขึ้น และอาจจะปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน/พลังงานทดแทนเพื่อให้สอดรับกับทิศทางของอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั่วโลก คาดช่วยทำให้ราคาค่าไฟฟ้ามีโอกาสลดลงต่ำกว่าหน่วยละ 3.60 บาท (ประชาชาติธุรกิจ)
• (Watch) ติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 ซึ่งจะคาดประกาศในสัปดาห์นี้ เช่น INTUCH, IRPC, ADVANC (5 ส.ค.), TU (6 ส.ค.),BH(7 ส.ค.), VGI, PTTGC (8 ส.ค.), PSH(9 ส.ค.)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.12 บาท หรือลดลง 9.57% Year To Date
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,632.21 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 5,349.19 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินดัชนี SET Indexจะผันผวนในกรอบ 1,670-1,700 จุด โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q62 บวกกับติดตามผลการประชุมกนง.ในวันที่ 7 ส.ค. (ตลาดคาดคงดอกเบี้ย 1.75%) ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศยังมีผันผวนจากความกังวลในประเด็น Trade wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในวันที่ 1 ก.ย. อย่างไรก็ดีในช่วงสั้นเรายังแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง และคาดมีแรงขายในช่วงที่ตัวเลข ศก. ทั่วโลกอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้น ศก. ใหม่ๆ ในต่างประเทศยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และลงทุนในหุ้นหลักเพียง 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะ ศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่าครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท) และ DCC (คาดปี 62 โต YoY หนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ รายได้แก่บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนในHMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้น โดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร) และ SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิ หลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับ ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน)
2-Aug-19 Change (pts.) 1-Aug-19
SET Index 1,684.71 -15.04 1,699.75
SET50 Index 1,113.17 -11.37 1,124.54
SET100 Index 2,462.03 -24.93 2,486.96
High 1,687.15 Gainers 423
Low 1,671.97 Unchanged 439
Value (Bt m) 82,045.40 Losers 1,187
Volume (*000) 22,856,279
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.0
EV/EBITDA (x) 11.1 10.2 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 2-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution (1,598.60) (4,032.48) (2,733.29) (5,910.48)
Proprietary (550.73) (2,561.91) (951.37) 17,585.59
Foreign (3,632.21) (5,018.36) (5,349.18) 55,353.61
Individual 5,781.53 11,612.75 9,033.84 (67,028.72)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary