SET เปิดกระโดดลงและแกว่งแดนลบตลอดทั้งวันในกรอบ 1671-87 ถูกกดดันจากข่าวปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความเตรียมขึ้นภาษีจีนรอบใหม่ 10% ในวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ เริ่ม 1 ก.ย. นี้ ประกอบกับมีเหตุระเบิดป่วนกรุงหลายจุด ต่างชาติขายสุทธิ 3.63 พันลบ. 3 วันติด และ Short S50 Futures หนัก 2 วันติด อีก 22,547 สัญญา 

          

ทิศทางตลาดวันนี้ : ปรับลงต่อ นลท. "Risk-off" กลัวศก.โลกถดถอย

          หุ้นโลกวันศุกร์ (2 ส.ค.) ปรับลงต่อเนื่อง วิตกสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนรอบใหม่ หลังปธน.ทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีจีนรอบใหม่ 10% ในวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ เริ่ม 1 ก.ย. นี้ สร้างความกังวลศก.โลกเสี่ยงภาวะถดถอย ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ดีดกลับ +3.2% และ +2.3% ตามลำดับ มองเป็นการรีบาวด์ทางเทคนิคหลังดิ่งลงแรง 7-8% วันก่อนหน้า มอง SET มีแนวโน้มปรับลงต่อ นลท.เข้าสู่โหมด "Risk-off" จากสหรัฐฯ จะเก็บภาษีล็อตใหม่ ซ้ำเติมความกังวลศก.โลกชะลอตัวมากขึ้น สะท้อน Bond Yield ทั่วโลกที่ปรับตัวลง โดยล่าสุด 10Y US Bond Yield แตะระดับ 1.867% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่ พ.ย. 2016 ขณะที่ Bond Yield ของเยอรมันติดลบทุกช่วงอายุ หรือแม้แต่ Bond Yield ของไทยเริ่มเกิด "Inverted Yield Curve" แล้ว อย่างไรก็ดีเรามองน่าจะสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดว่าดบ.ไทยมีแนวโน้มปรับลงในอนาคตมากกว่าภาวะถดถอย วันนี้แนะนำติดตามตัวเลข PMI ภาคบริการทั่วโลก และการประกาศงบ ADVANC แนวรับ 1672, 1655-60 (ปิด GAP) แนวต้าน 1685-95 

          

กลยุทธ์การลงทุน : Wait&See ยังไม่รีบร้อนซื้อ, รอประเมินภาวะตลาดก่อน

          แนะนำ Wait&See เป็นกลยุทธ์หลัก หากตลาดรีบาวด์ เป็นจังหวะการขายกระชับพอร์ต-ถือเงินสดเพิ่ม / มอง SET ที่บริเวณ 1650-60 เป็นจังหวะเริ่มทยอยสะสมอีกครั้ง

          - ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick SABINA - เราเริ่มวิเคราะห์หุ้น SABINA ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 37 บ. จาก 1) เป็นผู้จำหน่ายชุดชั้นในมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 มีรายได้เติบโตสูงและกำไรโตกว่าภาวะอุตฯ เท่าตัว โดยคาดผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี (ปี 2019-22F) 2) มีศักยภาพการเติบโตจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งสาขาและช่องทางที่มิใช่สาขาที่คาดจะเติบโต 30% ต่อปี และโอกาสการเติบโตในตลาดตปท. 3) แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากเพิ่มจ้างผลิตและนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต และ 4) ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทจ่ายเงินปันผลด้วย Payout 100% คาดผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 4% ต่อปี / หุ้น 3 กลุ่มที่พิสูจน์แล้วว่า "Outperform" จากสงครามการค้ารอบก่อน คือ (1) TRANS - ชอบ BEM, BTS (2) HELTH - BDMS, EKH (3) COMM - BJC, CPALL ส่วนหุ้นเชิงรับมีปันผลดี คือ EASTW, EGCO, MAJOR, RATCH, ROJNA, TPIPP รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม PF & REIT & IFF - QHPF, CPNREIT, WHART, EGATIF, JASIF, TFFIF / ทยอยสะสมหุ้นคาดกำไรปกติ Q2 โต YoY มีปันผลระหว่างกาล - AMATA, BGRIM, CBG, CK, GGC, EASTW, EGCO, EKH, HMPRO, M, MAJOR, PYLON, RJH, ROJNA, SEAFCO, TASCO, TFG, TPIPP ไม่มีปันผลระหว่างกาล CPALL, GFPT, GULF, GUNKUL, MINT, PLANB, PTG, STEC, VNT, WHA

          - หุ้นเด่น ส.ค. (Smart Tactics) BCP, CK, HANA, PLANB, PYLON, ROJNA, TPIPP

          - หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง BTS, CK, EASTW, KTC, PLANB, ROJNA 

          

ปัจจัยติดตาม

          วันที่       ปท.              เหตุการณ์

          5 ส.ค.    JP, CH           PMI ภาคบริการและรวมทุกภาคญี่ปุ่น, จีน (ภาคเอกชนจีน - Caixin) ใน ก.ค.

                    EU, US           PMI ภาคบริการสหภาพยุโรปใน ก.ค., ISM ภาคบริการสหรัฐฯ ใน ก.ค.

          6 ส.ค.    JP               การใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นใน มิ.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจญี่ปุ่นใน มิ.ย. (เบื้องต้น)

          7 ส.ค.    TH, CH           ประชุม BOT, ปริมาณเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจีนใน ก.ค.

          8 ส.ค.    TH, JP           ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยใน ก.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดญี่ปุ่นใน มิ.ย.

                    MSCI, US         ประกาศทบทวนดัชนี MSCI (มีผลราคาปิด 29 ส.ค.), สต็อกสินค้าภาคค้าส่งสหรัฐฯ ใน มิ.ย.

                    CH, US           ส่งออก, นำเข้า และดุลการค้าจีนใน ก.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

          ที่มา : Bloomberg, TISCO Research

          

          อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล 

          เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 18171                    

          02-633-6467                    

          [email protected]

 

          ธนพล บำรุงพงศ์                     

          เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 46537                    

          02-633-6471                    

          [email protected]