- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 July 2019 16:47
- Hits: 4070
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Selective Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง 11.48 จุด ณ สิ้นวันอ่อนแอกว่าที่เราประเมินและหลุดแนวรับบริเวณ 1,715 จุดทำให้ภาพรวมดูเป็นลบมากขึ้น โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวมีแรงขายทำกำไรออกมา นอกจากนี้ตลาดยังรอดูผลการประชุม FED แรงขายหลักมาจากสถาบันในประเทศ 2.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 509 ลบ. (แต่ Short Index Future ราว 4.5 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideway Down หลังจากหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญระยะสั้นบริเวณ 1,715 จุด โดยแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนและ GDP 2Q19 ของไทยที่คาดไม่สดใสนักทำให้ขาดประเด็นหนุนให้เข้าลงทุนระยะสั้น นอกจากนี้ตลาดยังจับตาดูว่า FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือไม่ในการประชุมคืนนี้ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่คาดว่ายังต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร อย่างไรก็ตามหลังจากที่เราแนะนำให้ทำกำไรอย่างต่อเนื่องช่วงที่ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,750 จุด การอ่อนตัวของดัชนีระยะนี้เปิดโอกาสให้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานอีกครั้งโดยให้กรอบสะสมบริเวณ 1,680-1,700 จุด
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวโดยเฉพาะที่คาดกำไร 2Q19 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเมื่ออ่อนตัวลงหากรอบ 1,680-1,700 จุด
หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : ICHI, KKP, MINT, PTTGC, SEAFCO
หุ้นเด่นวันนี้: AMATA
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท
- ยอดขายที่ดินและยอดโอนสดใสขึ้นใน 2Q19 และชัดเจนว่าได้อานิสงส์จากการย้ายฐานผลิตของนักลงทุนจีน โดยยอดขายที่ดินทำได้ราว 166 ไร่ +30% Q-Q, +26% Y-Y ยอดโอนที่ดินเพิ่มเป็น 154 ไร่ +92% Q-Q, +175% Y-Y
- คาดกำไรปกติ 355 ลบ. +28% Q-Q, +89% Y-Y จากรายได้ขายที่ดินที่สดใส รายได้ขายไฟฟ้าที่เต็มประสิทธิภาพ และค่าเช่าที่ค่อนข้างคงที่ การคุมต้นทุนและรายจ่ายดี เชื่อชดเชยบาทแข็งและ AMATAV ที่คาดว่าจะขาดทุนเพราะไม่มีการโอนที่ดินเลยได้
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$348ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$246ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$17ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเวียดนาม US$7.6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกภูมิภาคจากประเด็นสงครามทางการค้าจีน-สหรัฐที่กลับมากดดันอีกครั้งและติดตามผลการประชุม Fed
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) นายกฯเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยจะเน้นกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว หุ้นค้าปลีกและ consumer finance ถูกเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้จากมาตรการดังกล่าว ต้องดูว่ามาตรการที่จะออกมาจริงกระทบส่วนใดมากน้อยแค่ไหนบ้าง นอกจากนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดว่าจะลงนามในสัญญากับเอกชนได้ภายใน ก.ย.นี้ การก่อสร้างสร้างน่าจะเริ่มปีหน้าเป็นต้นไป แต่จะหนุน Backlog ของ CK, ITD ที่ถือรายละ 5%
(0) BBL ธนาคารยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี +4% ทั้งที่ 1H19 -3.2% YTD เราคิดว่าท้าทายเกินไป เราคาด +3% ส่วน NPL ratio ที่ขยับขึ้นใน 2Q19 มาจากการจัดชั้น ความสามารถในการจ่ายคืนที่ลดลงของกลุ่ม SME และ Corporate และหนี้สูญของลูกค้าที่ปรับโครงสร้างแล้ว (relapse) แต่ BBL เชื่อว่ายังควบคุมได้ แม้ไม่มีปัจจัยบวกใหม่จากการประชุมนักวิเคราะห์ แต่ราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายไปมาจนซื้อขายต่ำกว่า Book value เราจึงคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 222 บาท
(+) BGRIM เราคาดกำไรปกติ 2Q19 +29% Q-Q ตามฤดูกาลและเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าลาร์ที่เวียดนาม 2 แห่ง แต่ -17% Y-Y จากต้นทุนค่าก๊าซเพิ่ม ส่วนกำไรสุทธิคาด +33% Q-Q, +230% Y-Y จากฐานต่ำและมี FX gain แนวโน้มกำไรยังโตต่อเนื่องใน 3 ปีข้างหน้า และมีโอกาสได้กำลังผลิตเพิ่มในหลายประเทศ แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นจนใกล้เต็มมูลค่าที่ 36 บาท แนะนำถือ/ซื้ออ่อนตัว
(-) DELTA กำไรแย่ตามคาด โดยมีกำไรสุทธิ 873 ลบ. ถ้าไม่รวม Employee benefit 102 ลบ.และ FX gain 5 ลบ. จะเป็นกำไรปกติ 970 ลบ. -12% Q-Q, -25% Y-Y ตามคาด กำไรที่หดตัวเป็นผลจากบาทแข็ง และ Product mix ที่เปลี่ยนไปเพราะผลของ Trade war ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอมากเหลือเพียง 20% สำหรับกำไร 1H19 -14% Y-Y คิดเป็น 46% ของประมาณการทั้งปี แม้ว่า 3Q19 ควรจะฟื้นตามฤดูกาล แต่ก็ยังมีความเสี่ยง
(-) ตลาดดาวโจนส์ปรับลด 23.33 จุด ปิดที่ 27,198.02 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวโจมตีรัฐบาลจีนว่าพยายามถ่วงเวลาในการเจรจาการค้าเพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันนี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ถูกกดดันจากความกังวลด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ตลาดเอเชียปรับลง เนื่องจากนักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐและจีน
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.05 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,441.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 824.89 / +- ตัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30-31 ก.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
31 ก.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.
- จีน: Manufacturing & Non-Manufacturing PMI (ก.ค.)
- ฮ่องกง: 2Q19 GDP
- ไต้หวัน: 2Q19 GDP
- ยูโรโซน: 2Q19 GDP
1 ส.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.), Business Sentiment (ก.ค.)
- จีน: Caixin Manufacturing PMI (ก.ค.)
- เกาหลีใต้: ส่งออก-นำเข้า (ก.ค.)
2 ส.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research