- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 July 2019 16:32
- Hits: 2626
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าลบเพิ่ม ธปท.อาจมีเกณฑ์คุมหนี้ครัวเรือน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -11.48 จุด ปิดที่ 1706.49 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 55.6 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับลงสวนทางกับเพื่อนบ้าน ตลาดมีแรงขายทำกำไร หลังรับรู้ข่าวดีว่ามีโอกาสสูงที่เฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ไปก่อนหน้าแล้ว ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 2.8 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อเล็กน้อย ขายสุทธิเป็นสถาบัน 2.9พันล้านบาท โบรกเกอร์ขายเล็กน้อย และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติเป็นซื้อสุทธิเป็น 60.9 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้าลบมากขึ้น ธปท.คุมเข้มหนี้ครัวเรือน แม้คาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ปัจจัยลบคือ ทรัมป์กล่าวในเชิงลบเกี่ยวกับเจรจาการค้า มีข่าวธปท.จะออกเกณฑ์คุมเข้มหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ระมัดระวังหุ้น SP ซื้อขายวันสุดท้าย หุ้น PPPM ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 5 ชุด คาดกระทบต่อตลาดการออกหุ้นกู้พอควร ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมิ.ย.ลดลง ดัชนีความกังวลเพิ่มเป็น 13.94 จุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ ราคานํ้ามันปรับขึ้น ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ปรับขึ้น
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาส Sideways ทางลง เจรจาการค้าลบมากขึ้น ธปท.คุมเข้มหนี้ครัวเรือน กลยุทธ์ คือ การเก็งกำไร เข้าไว-ออกไว และรอจังหวะอ่อนตัว แนวต้านเป็น 1715-1720 จุด แนวรับที่ 1700-1690 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4 เท่า (Median+1SD) กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play แต่รออ่อนตัวได้ คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK, STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHAท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJHระมัดระวังหลักทรัพย์ได้รับผลลบจากธปท.จะออกเกณฑ์คุมเข้มหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ส่งผลลบต่อหลักทรัพย์กลุ่มการบริโภคเช่น อสังหาฯ สถาบันการเงิน
# Stock Pick Today : ROJNA คาดกำไรสุทธิ 2Q62 โตกระโดดเป็น 646 ล้านบาท เทียบ y-o-y -65 ล้านบาท และ q-o-q +57% เพราะบันทึกกำไรยังไม่รับรู้จากการถือหุ้น GULF มากถึง 550 ล้านบาท ข้อดีคือ ในงวด 2H62 มีการโอนนิคมฯได้มากขึ้น มีรายได้ไฟฟ้าที่สม่ำเสมอในสัดส่วนที่มาก ลดความเสี่ยง มีการลงทุนที่น่าสนใจคือREITs FPL, บริษัทบริหารสินทรัพย์ และโครงการ Township ซึ่งเป็น Mixed Use ที่ถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 32 คงคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 7.29 บาทประเมินด้วยวิธี SOP (Sum of Parts)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบต่อ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)}ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่ก็ลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(จากแรงหนุนของ“แนวรับย่อย”)ตามมาได้ แนวต้าน 1715 – 1720 (หรือ 1730) จุด {แนวรับย่อย“1700 / 1690”จุด}
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ BBL,KBANK,CPALL,EKH หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ RJH,COM7,LPH,GFPT,KKP,CHG, หุ้นที่หลุดลิสต์ คือPPPM,BAY,SQ,GPSC,NOBLE,SAMART,BPP,SAT,PLANB หุ้นที่ควร Take Profit คือ ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Special Issue : ทองคำยังน่าสนใจ...หากเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
Company Guide : DELTA (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 53.00)
DREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.55)
Flash Note : AMATA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 26.00)
BBL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 250.00)
LPN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 6.20)
HMPRO (ถือ -ราคาพื้นฐาน 17.50)
ORI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.60)
In The News : TMB & TBANK : ก.คลังไม่ฟันธงว่าจะควบรวมเสร็จภายในปี 62
New Listing : SEG
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-เจรจาการค้า: ทรัมป์ทุบความหวังเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ
# นักลงทุนลดความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีจีนเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และจีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้าเพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า
+/• ติตตามผลประชุมเฟด : แม้คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ยังติดตามถ้อยแถลงพาวเวล
# ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในนี้ที่ 31 ก.ค.ตามเวลาไทย นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลซึ่งจะมีขึ้นภายหลังการประชุมดังกล่าว เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งมุมมองของนายพาวเวลที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก
+/- สหรัฐ: ติดตามผลประกอบการรวมทั้ง Apple
# นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ ขณะที่รายงานระบุว่า บริษัทจำนวนมากกว่า 50% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 75% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด
-/+ สหรัฐ: การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐอ่อนลง แต่ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเพิ่ม
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งชะลอลงหลังจากเพิ่มขึ้น0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 108.3 ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 105.4 ในเดือนพ.ค.
- ดาวโจนส์: ปรับลง หลังทรัมป์ทุบความหวังเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,198.02 จุด ลดลง 23.33 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,013.18 จุด ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,273.61 จุด ลดลง 19.71 จุด หรือ -0.24%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวโจมตีรัฐบาลจีนว่าพยายามถ่วงเวลาในการเจรจาการค้าเพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้า และยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วยขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 64.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
• ทองคำ: ปรับขึ้น ขานรับแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่1,441.8 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐนอกจากนี้ การอ่อนแรงลงของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จากADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-ระมัดระวังการถือหุ้น SP วันนี้ซื้อขายวันสุดท้าย
# วันนี้ 31 ก.ค.62 เป็นวันสุดท้ายที่ให้ซื้อขายหุ้น SP 15 หลักทรัพย์ จึงควรระวังที่จะถือไว้ ยกเว้นมั่นใจว่าจะกลับมาซื้อขายได้ไม่นาน ความเสี่ยง คือ จะขายออก สภาพคล่องก็ต่ำ และไม่แน่ใจว่าหลักทรัพย์ที่ถือจะกลับมาซื้อขายได้เมื่อไร
# แต่หุ้นที่ไม่ควรถือไว้เลยคือ จะยกเลิกการเป็นบริษัทจดทะเบียนคือ IEC, LVT, YNP เพราะจะกลายเป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ
• ก.พาณิชย์จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคก.ค. ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปอาจขยับขึ้น แต่คาด กนง.คงดอกเบี้ย
# กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปอาจขยับขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลของภัยแล้ง อย่างไรก็ดี ยังมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 7ส.ค. ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวย้ำว่าการตัดสินใจนโยบายการเงินของไทยจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศและข้อมูลที่ได้รับ
-ดัชนีผลลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย.62 อยู่ที่ 100.49 หดตัว 5.54% y-o-y
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย.62 อยู่ที่ 100.49 หดตัว5.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาส 2/62 หดตัวลง 2.64% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
+ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เน้นกระตุ้นบริโภคในประเทศ ส่งเสริมท่องเที่ยว เร่งรัดใช้จ่ายภาครัฐ
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) "ประยุทธ์ 2" นัดแรกวานนี้มีมติเห็นชอบจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง แต่จะเน้นการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐและรัฐวิสาหกิจได้ให้แนวทางให้มีการจัดทำให้สอดคล้องกับแผนงบประมาณในปี 2563
-KKP ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 62
# ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 62 เหลือโต 5% จากเดิมตั้งเป้าไว้โต 8% หลังจากสินเชื่อรวมของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกพลาดเป้าหมาย โดยเติบโตเพียง 2.1% เป็นผลมาจากการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 2.7% และมีสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 45% จากเดิมที่ 47% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นผลมาจากการซื้อรถยนต์ชะลอตัว โดยเฉพาะรถยนต์มือสองที่ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อมากถึง 63% เมื่อเทียบกับรถยนต์ใหม่ที่ 37%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]