เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายตามภูมิภาค นำโดยกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK, BBL, SCB และปิโตรเคมีอย่าง SCC, IVL อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเด่นใน ROBINS และ TKN ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,717.9 จุด (-12.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท (จากวันก่อนที่ 5.8 หมื่นล้านบาท) 

          นักลงทุนต่างชาติพลิกขายหุ้นไทยสูงกว่า 4,346 ลบ. (สถาบันขายสุทธิ 361 ลบ.) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 5,037 สัญญา

 

Stock Picks & Trading Idea

          CPALL (Buy @ 92.0) : เข้าสู่ช่วงการประกาศงบ 2Q19 เบื้องต้นเราประเมินว่าหุ้น Global play ส่วนใหญ่ ยังถูกกดดันและมีความเสี่ยงที่ผลประกอบการจะออกมาต่ำกว่าตลาดคาด จากผลกระทบทางอ้อม Trade war อย่างไรก็ตาม เราประเมินกลุ่ม Domestic play มีความเสี่ยงต่อปัจจัยดังกล่าวจำกัด โดยคาดกำไรดำเนินงาน 2Q19 ของ CPALL จะเติบโต 17%YoY ที่ 5.6 พันล้านบาท จากร้านเซเว่นฯ เติบโตแข็งแกร่ง SSSG(%) +3.5% พร้อมกับเปิดสาขาเพิ่มอีก 180 สาขา และคาด SSSG(%) ใน MAKRO เติบโตสูงกว่า 4-5% โดยรวมแล้วคาด CPALL มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10bps YoY เป็น 22% 

 

Investment Theme

          2 ปัจจัยต่างประเทศ (FOMC, Trade war ) ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดทุนในสัปดาห์นี้ : นอกเหนือจากปัจจัยการรายงานผลประกอบการ 2Q19 ที่ทยอยประกาศแล้ว ทุกสายตาของนักลงทุนจะกลับมาให้ความสำคัญต่อ 2 ปัจจัยต่างประเทศ นำโดย วันนี้สหรัฐและจีนจะกลับมาเริ่มเจรจาการค้าครั้งที่ 13 อีกครั้ง โดยเรามีมุมมองเป็นกลางต่อปัจจัยดังกล่าว และไม่คาดหวังต่อผลลัพธ์ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่คาดใช้เวลาพอสมควร พร้อมให้น้ำหนักต่อผลลัพธ์การประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 30-31 ก.ค. มากกว่า โดยภาพหลังจากที่สหรัฐรายงานตัวเลข GDP สูงกว่าคาดที่ 2.1% QoQ ส่งผลให้ตลาดเริ่มกังวล ล่าสุด CME group ปรับลดโอกาส FED ลดดอกเบี้ย 50bps ในครั้งนี้ ลงจาก 70% เหลือ 2x% อีกทั้ง Bond yield สหรัฐ 2 ปี กลับมาปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 1.85% เราคงมุมมองและให้น้ำหนักต่อโอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 25bps ในช่วง 3Q19 (ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งเดือนก.ค.หรือ ก.ย.) พร้อมแนะนักลงทุนติดตาม ถ้อยคำแถลงของ Powell ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต กล่าวคือ น้ำหนักของการปรับลดดอกเบี้ยครั้งถัดไปอีก 25bps ในช่วง 2H19-1H20 โดยสรุปหากว่าผลลัพธ์การเจรจาไม่เดินหน้าขึ้นภาษี 3.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และ FED ลดดอกเบี้ย 25bps พร้อมยืนกรานมุมมอง Dovish ต่อในช่วงที่เหลือของปี เราคาดมีโอกาสที่ SET จะกลับขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ 1.5SD ย้อนหลัง 9 ปี นั่นคือ กรอบ 1,750-1,800 จุดในระยะกลาง

          Investment Theme : สัปดาห์นี้ประเมินว่า SET จะแกว่งในกรอบ 1,700-1,730 จุด ในระยะสั้นแนะนักลงทุนรอดูผลการประชุม FOMC ก่อนพิจารณาลงทุนในช่วงเดือนส.ค. แนะถือ PTTEP, BEM, และ S 

 

Big Issue

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา :  

          - สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาสสองสูงกว่าตลาดคาดที่ 2.1% 

          - PTTEP รายงานกำไรใกล้คาด / SCC ต่ำคาด 12% 

          - GPSC ประกาศเพิ่มทุน (XR 3ก.ย.) สัดส่วน 1:0.88 @ 56.0

          - หยวนกลับมาอ่อนค่าที่ 6.89

 

Eyes on

 

ปัจจัยต่างประเทศ :

          - ประชุม FOMC วันที่ 30-31 ก.ค.

 

ปัจจัยในประเทศ :

          - ติดตามประชุมครม. คาดเริ่มเห็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 

 

Technical View

 

SET

          แนวรับ : 1690, 1705 

          แนวต้าน : 1725, 1735

 

          SET Index : หลุด 1715 จะเป็นการกลับตัวลงแบบ Double Top ดัชนีปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร และปิโตรฯ ทำให้ดัชนีปรับตัวลงทดสอบแนวรับ Neckline ที่ 1715 ซึ่งหากหลุด Downside จะเปิดมากขึ้น เพราะดัชนีจะมีแนวโน้มกลับตัวลงแบบ Double Top ซึ่ง Downside จะเปิดไปที่แนวรับปิด Gap ที่ 1680-1690 แต่หากผิดคาดดัชนี Rebound แนะนำขายทำกำไรเพื่อลดพอร์ตตามแนวต้าน

 

กลยุทธ์การลงทุน

          มีหุ้น: หากหลุด 175 แนะนำ Stop Loss แต่หาก Rebound พิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1725/1735 

          ไม่มีหุ้น: จังหวะย่อตัวหากไม่หลุด 1715 อาจซื้อเพื่อ Trading แต่หากหลุดแนะนำรอดูแนวโน้มเพราะ Downside เปิด

 

Tiger Picks : 

 

          PLANB  : ซื้อ

          แนวรับ : 8.70-8.85

          แนวต้าน : 9.10/9.30

          ตัดขาดทุน : 8.55

 

          SAMART : ซื้อ

          แนวรับ : 10.30-10.60

          แนวต้าน : 11.00/11.50

          ตัดขาดทุน : 10.00

 

ข่าว เด่น พร้อมคำแนะนำ 

 

GPSC

          ลุยเพิ่มทุนขาย RO (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : เราเชื่อว่าความชัดเจนของแผนเพิ่มทุนและ Synergy ที่จะทยอยเปิดเผยตามมา จะเป็น Catalyst เชิงบวกให้กับ GPSC แม้ Price Dilution อาจกดดันหุ้นในระยะสั้น แต่เรามองเป็นโอกาสสะสมเพื่อรอรับโอกาสในการเติบโตระยะกลาง-ยาว คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย SOTP 77.00 บาท

 

MINT

          ลุ้นกำไรไตรมาส 2 พุ่ง 103% คาดบุ๊ก'เอ็นเอช โฮเทล'   (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : NH Hotel กำไรออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 50 ล้านยูโร จากรายได้และ margin ที่ดีกว่าคาด ดังนั้น กำไรไตรมาส 2/62 น่าจะสูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ ประมาณ 1,700 ล้านบาท ทั้งนี้เราคาดว่า MINT จะมีผลประกอบการที่ดีกว่า CENTEL และ ERW ในช่วงไตรมาส 2/62-3/62 หนุนโดยธุรกิจโรงแรมต่างประเทศ แนะนำ ซื้อ     ที่ราคาเป้าหมาย 46 บาท

 

ORI

          รุกขยายตลาดลูกค้าต่างชาติ ดึง DWG เป็นตัวแทนขายคอนโดใน 10 ประเทศ    (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : เรามองว่าเป็นการขยายธุรกิจเพื่อหนุนยอดขายจากต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมา ORI มีขายผ่าน Agency ต่างชาติในบางโครงการประมาณ 20-25% เรามองว่าได้ผลบวกระยะสั้นต่อ Presales ของโครงการใหม่ที่เปิดและต้องติดตามการส่งมอบและค่าใช้จ่ายของ SG&A  ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต โดยเป้า Presales ที่ตั้งไว้ที่ 28,000 ล้านบาท เป็นยอดที่ Flat YoY และเราคงคำแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมายปีนี้ 9.80 บาท/หุ้น

 

RATCH

          ซื้อหุ้นวินด์ฟาร์มออสซี่ จ่อเซ็นสัญญาซื้อก๊าซกับ PTT สัปดาห์หน้า  (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : การเข้าลงทุนโครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตตามสัดส่วนให้กับ RATCH 2.2% เราประเมินมูลค่าเพิ่มเบื้องต้น 1.3 บาท (ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ คงคำแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท

 

SCC

          คาดยอดขายปีนี้หด 10% บอร์ดปันผลหุ้นละ 7 บาท ขึ้น XD 8 ส.ค.นี้ (ข่าวหุ้น)

          ความเห็น : กำไร 2Q62 ทรุดลงเหลือเพียง 7,043 ล้านบาท (-40%QoQ, -43%YoY) ต่ำกว่าคาด  ถูกกระทบจาก กฏหมายแรงงานใหม่ และ สงครามการค้าฉุดธุรกิจปิโตรเคมีทรุดหนัก  ผู้บริหารมีมุมมองแนวโน้มครึ่งปีหลังในด้านลบ ธุรกิจปิโตรเคมีจะยังถูกกดันต่อจากชัพพลายใหม่ คงแนะนำ ซื้อ ลงทุนในช่วงอ่อนตัว จากคาดหวังเติบโตระยะยาว ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 เท่ากับ 478 บาท

 

          นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ 

          Research Department Tel. 02-658-5000