- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 30 July 2019 16:59
- Hits: 4079
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ติดตามถ้อยแถลงเฟด ผลกำไร Apple และเจรจาการค้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ -12.93 จุด ปิดที่ 1717.97 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 59 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับลงคล้ายกับเพื่อนบ้าน เพราะผิดหวังผลประชุม ECB ไม่ลดดอกเบี้ยและทีท่าไม่กังวลเศรษฐกิจ ผิดหวังงบ SCC แม้มีข่าวดีมูดี้ส์ปรับเพิ่มแนวโน้มไทยเหมือนฟิทช์ ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 4.3 พันล้านบาทโบรกเกอร์ซื้อเล็กน้อย ขายสุทธิมากพลิกเป็น ต่างชาติ 4.3 พันล้านบาท สถาบันขายเล็กน้อย และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติเป็นซื้อสุทธิลดลงเป็น 60.4 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ติดตามถ้อยแถลงเฟดและเจรจาการค้า แม้คาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ตลาดฯติดตามถ้อยแถลงพาวเวลล์มากกว่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวยังออกมาดี รวมทั้งการเจรจาการค้าที่จะเริ่มวันนี้เช่นกัน ปัจจัยบวกคือ น้ำมันปรับขึ้น เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย ดัชนีความกังวลปรับลง เพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวกแคบๆ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าเช้านี้ปรับขึ้น ด้านปัจจัยลบคือ ความผิดหวัง ECB ที่ไม่ปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้ว ติดตามผลประกอบการ 2Q62 ไทย ช่วงนี้เป็น วัสดุก่อสร้าง พลังงาน และพาณิชย์ และความเคลื่อนไหว รัฐบาลใหม่ที่จะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาส Sideways ทางขึ้น คาดเฟดมีถ้อยแถลงผ่อนคลายการเงินต่อไป กลยุทธ์ คือ การเก็งกำไร เข้าไว-ออกไว แนวต้านเป็น1725-1730 จุด แนวรับที่ 1710-1700 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4 เท่า (Median+1 SD) กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK, STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA, WHA ท่องเที่ยว- MINTขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHG และ RJH หลักทรัพย์ได้ประโยชน์ลดดอกเบี้ย เช่น อสังหาฯ เช่าซื้อ เป็นต้น
# Stock Pick Today : DIF ประกาศราคาหุ้นเพิ่มทุนแล้ว 15.90 บาทต่อหน่วย ถือว่าสูงกว่าคาด ทำให้ออกจำนวนหุ้นน้อยกว่า 1.026 ล้านหน่วย ข้อดีคือ DilutionEffect น้อยลง XB 2 ส.ค.62 และจ่ายปันผลงวด 4 เดือนเป็น 0.3469 บาท อัตราผลตอบแทนราว 2% XD 26 ส.ค.จ่าย 11 ก.ย.62 คงคำแนะนำ ซื้อ และจองหุ้นเพิ่มทุน เพราะคาดว่าจะยังปันผลได้สูงหลังเพิ่มทุนที่ yield ราว 6.0% ราคาพื้นฐาน 18.40 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลง”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่ก็ลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆ(จากแรงหนุนของ“แนวรับย่อย”)ตามมาได้ แนวต้าน (กรณีฝืนรีบาวด์ฯก่อน)1725 (หรือ 1730) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1715” (แนวรับย่อย “1710 / 1700”)จุด}
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ NOBLE,SAMART,BPP,SAT,RJH,PLANB หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ RJH,COM7,PPPM,LPH,BAY,GFPT,KKP,SQ, GPSC, CHG, หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ TVO,PTL,VNT หุ้นที่ควร Take Profit คือ RATCH
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : KCE (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 15.20)
WHA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.92)
Flash Note : PTTEP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 159.00)
ROBINS (Not Rated)
SCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 493.00)
SPALI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 21.70)
In The News : GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 70.00)
Turnover List Watch : DOD-W1 ติด Cash Balance ใช้สัปดาห์นี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/• ติตตามผลประชุมเฟด : แม้คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ยังติดตามถ้อยแถลงพาวเวล
# ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันพุธที่ 31 ก.ค.ตามเวลาไทย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Groupบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสเกือบ 76% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสเพียง 24% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
# นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะมีขึ้นภายหลังการประชุมดังกล่าว เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งมุมมองของนายพาวเวลที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก
+/- สหรัฐ: ติดตามผลประกอบการ Apple และเจรจาการค้า
# นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ รวมทั้งการ
เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้เดินทางถึงนครเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธนี้
+/- ดาวโจนส์: ปรับขึ้น แต่ S&P และ Nasdaq ปรับลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,221.35 จุด เพิ่มขึ้น 28.90 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,020.97 จุด ลดลง 4.89 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,293.33 จุด ลดลง 36.88 จุด หรือ -0.44%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
+ น้ำมัน: ปรับขึ้นเล็กน้อย คาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 56.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือประมาณ 0.5% ปิดที่ 63.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ
• ทองคำ: ปรับขึ้น ขานรับแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่1,420.4 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาด
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE) เดือนมิ.ย., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน,ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ มูดีส์ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) จากระดับ "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงบวก”
# ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัท Moody's Investors Service (Moody's) ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) จากระดับ "มีเสถียรภาพ (Stable Outlook)" เป็น "เชิงบวก(Positive Outlook)" และคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ เกิดจากการมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐและการพัฒนาทุนมนุษย์ที่จะยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีรัฐบาลมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) วงเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(คิดเป็น 10% ของ GDP) ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยผ่านการดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
+ รัฐบาลตั้งงบประมาณแบบขาดดุล
# รมว.คลัง กล่าวในระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยชี้แจงถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลว่ารัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น และให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]