- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 July 2019 15:16
- Hits: 2061
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Range Trading
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยปิดบวกได้ 5.46 จุด ณ สิ้นวัน โดยนักลงทุนรอดูผลการประชุม ECB ว่าจะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้นหรือไม่ และมีอีกหลายปัจจัยสำคัญในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.3 พันลบ. (แต่ Short Index Future 6.2 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อบางๆ และรายย่อยเป็นฝ่ายขายสุทธิ 2.2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideway โดยมีปัจจัยกดดันหลัง ECB คงอัตราดอกเบี้ยซึ่งสร้างความผิดหวังเล็กน้อยแก่นักลงทุน รวมถึงทำให้การประชุม FED สัปดาห์หน้าเป็นสิ่งที่ต้องติดตามมากขึ้นว่าจะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหลังล่าสุด Moody's ปรับเพิ่มมุมมองของไทยขึ้นเป็น Positive จากเดิม Stable (แต่ยังคง Rating ที่ Baa) ทำให้มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าภูมิภาค เรายังเน้นเก็งกำไรเป็นรายตัวและรอจังหวะอ่อนตัวของตลาดในการเข้าสะสมหุ้นรอบใหม่ เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET บริเวณ 1,715-1,750 จุดในระยะนี้
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวโดยเฉพาะที่คาดกำไร 2Q19 แข็งแกร่ง//เก็งกำไรในกรอบ 1,715-1,750 จุด
หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : ICHI, KKP, MINT, PTTGC, SEAFCO
หุ้นเด่นวันนี้: BCH
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท
- ราคาหุ้น laggard เกือบที่สุดในกลุ่ม -7% 2019YTD และ -9% 2QTD สะท้อนกำไรที่ไม่สดใสใน 2Q19 ไปแล้ว นอกจาก low season ยังถูกกดดันชั่วคราวจากการตั้งสำรองส่วนของโรคซับซ้อนสูงหลัง สปส. จ่ายเงินน้อยกว่าคาด และมี Employee benefit ราว 30 ลบ. เราคาด -9% Q-Q, -10% Y-Y เป็น 225 ลบ.
- กำไร 2H19 จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งจากการได้รับเงินค่าภาระเสี่ยงอีก 50% หลังของงวดปี 2018 และเริ่มเปิด IVF ของ WMC ปลาย 3Q19 หักล้างรายได้จากศูนย์เบาหวานที่อาจชะลอเพราะชั่วโมงทำงานของแพทย์ลดลงได้
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$178ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$125ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$42ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$37ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอลงเพราะผิดหวังผลกระชุม ECB เมื่อคืนนี้ที่ไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดไว้ ส่วนการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้าตลาดยังคงคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) MINT มีโอกาสกำไรดีกว่าคาด เพราะ NHH ประกาศกำไรปกติ 2Q19 กำไร 56.5 ล้านยูโร คิดเป็นเกือบ 2,000 ลบ. ดีกว่าที่เราคาด เราคาดกำไรปกติของ MINT 2,067 ลบ. +227% Q-Q, +91% Y-Y ราคาหุ้นที่ปรับลง 6.5% WTD สะท้อนความกังวลเรื่องผลการดำเนินงาน 2Q19 ที่อาจออกมาอ่อนแอกว่าคาดมากเกินไป เป็นโอกาสที่ดีในการเข้า "ซื้อ" อีกครั้ง เรายังคงราคาเหมาะสมที่ 48 บาท
(0) AOT การปรับค่าเช่าที่ราชพัสดุของท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาคเป็น 5.5% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ชึ่งมีผลใช้ตั้งแต่ปี 2017-2032 นั้น AOT ต้องจ่ายย้อนหลังของปี 2017-18 จำนวน 242.8 ลบ. และของปี 2019 คาดจ่ายเพิ่มราว 160 ลบ. รวมทั้งสิ้น 403 ลบ. กระทบกำไรปี 2019 เพียง 1.4% เรายังคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 88 บาทและยังแนะนำซื้อ
(0) PRM เราคาดกำไรสุทธิ 2Q19 สดใส 250 ล้านบาท +13% Q-Q, +26% Y-Y จากการเพิ่มเรือใหม่ 3 ลำ แนวโน้มกำไร 2H19 จะดีขึ้นเพราะมีเรือทยอยเข้ามาอีก 6 ลำ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Big Sea อีก 10% เป็น 80% และได้ประโยชน์จากมาตรการ IMO ทั้งหมดนี้อยู่ในประมาณการแล้ว แต่ปรับกำไรปี 2019-20 ขึ้น 6% เพราะบริษัทคุมต้นทุนและรายจ่ายได้ดีกว่าคาด ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 10 บาทจากเดิม 8 บาท บริษัทอาจซื้อเรือ FSU เพิ่มอีก 1 ลำ คาดเพิ่มมูลค่าไม่ถึง 1 บ/หุ้น upside จำกัดอยู่ดี หุ้นปัจจุบันไม่ถูกแล้วและยัง +82% YTD outperform ที่สุดในกลุ่ม ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) WORK เราคาดกำไรสุทธิ 2Q19 +3% Q-Q, -34% Y-Y เป็น 77 ลบ. หากตัด Employee benefit ออก เป็นกำไรปกติ 92 ลบ. +23% Q-Q, -24% Y-Y ตามเรทติ้งที่ลดลงทำให้ Ad rate เฉลี่ยลดลงเป็น 6.5-7 หมื่นบาท/นาทีจาก 8 หมื่นบาท/นาทีใน 2Q18 กำไร 2H19 น่าจะเร่งตัวขึ้นหลังปรับผังรายการ และอุตสาหกรรมโฆษณาที่น่าจะดีขึ้นหลังได้รัฐบาลใหม่ เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 9% เป็น 453 ลบ. +28% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 29 บาทจากเดิม 26 บาท แต่ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว แนะนำขาย
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 128.99 จุด ปิดที่ 27,140.98 จุด จากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงนักลงทุนผิดหวังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดในการประชุมวานนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนที่ชะลอตัว
(0) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางนักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ ปิดที่ 56.02 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6
(+) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,414.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับสูงขึ้น
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 819.32 / -2.93 ตัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.ค. - ไทย: รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
- สหรัฐ: GDP 2Q19
30-31 ก.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
30 ก.ค. - ไทย: Industrial production (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
31 ก.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.
- จีน: Manufacturing & Non-Manufacturing PMI (ก.ค.)
- ฮ่องกง: 2Q19 GDP
- ไต้หวัน: 2Q19 GDP
- ยูโรโซน: 2Q19 GDP
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research