- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 July 2019 15:12
- Hits: 1866
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ผิดหวัง ECB ไม่ลดอัตราดอกเบี้ย-ขายก่อนหยุดยาว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +5.46 จุด ปิดที่ 1730.90 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 59 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับขึ้นคล้ายกับเพื่อนบ้าน เพราะคาดหวังผลประชุม ECB จะลดดอกเบี้ยและรอแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ ผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างชาติ 1.3 พันล้านบาท โบรกเกอร์ และสถาบัน ซื้อเล็กน้อย ขายสุทธิรายเดียวเป็นรายย่อย 2.2 พันล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติเป็นซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 64.7 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ผิดหวัง ECB ไม่ลดดอกเบี้ย และผู้นำ ECB กลับไม่กังวลต่อภาวะเศรษฐกิจนัก ส่วนแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ไทยไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายส่วนการเจรจาการค้า สหรัฐบินไปพบจีนเป็นช่วงเดียวกับการประชุมเฟด 30-31 ก.ค.62 ซึ่งมีแนวโน้มออกมาดี เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับลงถ้วนหน้า ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นได้เล็กน้อย แต่น้ำมันล่วงหน้าปรับลดลง ด้านปัจจัยลบคือ IMF ปรับลด GDP โลกอีกครั้ง รวมทั้งเงินบาทอยู่ในลักษณะอ่อนค่า และอัตราผลตอบพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้น เหมือนกับมีมีเงินไหลออก
# ระยะสั้นคาด SET มีโอกาส Sideways แนวลง หลังผิดหวัง ECB และอาจมีแรงขายลดเสี่ยงก่อนหยุดยาว กลยุทธ์ คือ การเก็งกำไร เข้าไว-ออกไวเมื่อราคาอ่อนตัว แนวต้านเป็น 1735-1740 จุด แนวรับที่ 1715-1700 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม เป้าหมายดัชนีระยะยาวเป็น 1750 จุด ด้วย P/E ที่ 17.4เท่า (Median+1 SD) กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำเป็น Domestic Play คือ พาณิชย์- CPALL, BJC รับเหมาก่อสร้าง- CK, STEC,SEAFCO นิคมฯ-AMATA, ROJNA,WHA ท่องเที่ยว- MINT ขนส่ง AOT สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP, MTC, TISCO, TCAP และสื่อ- VGI กลุ่มการแพทย์- เน้นหลักทรัพย์ขนาดกลาง คือ CHGและ RJH
# Stock Pick Today : RJH คาดกำไรหลัก 2Q62F เป็น 70 ล้านบาท (+60%YoY, -28%QoQ) จากรายได้ +14%YoY (-2%QoQ) ซึ่งเติบโตดีทั้งคนไข้เงินสดและประกันสังคม และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 32.8% แต่มีตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงานตามกฎหมายใหม่ 10 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายจะอยู่ที่ 60ล้านบาท (+37%YoY, -66%QoQ) กำหนดราคาพื้นฐานล่าสุดเป็น 33 บาท (DCF)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวก {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”เล็กน้อย (โดยยังถูกกดดันจาก“สภาวะOverbought”(เดิม)ที่มีระดับนัยสำคัญ และ“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1735 – 1740 จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1725” (แนวรับย่อย “1715 – 1710 / 1700” จุด)}
สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High เข้ามาใหม่คือ KKP,SQ,GPSC,RATCH,CHG,PTL,VNT หุ้นที่ยังอยู่ในลิสต์ คือ RJH,COM7,PPPM,TVO,LPH,BAY,GFPT หุ้นที่หลุดลิสต์ คือ TOP,PTTEP,STA หุ้นที่ควร Take Profit คือ SRICHA,DTAC,OSP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ROJNA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.29)
TEAMG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.47)
Flash Note : ที่อยู่อาศัย
In The News : AOT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 80.00)
DIF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 18.40)
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาด DOD-W1 ติด Cash Balance
New Listing : ILM
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ผลประชุม ECB : ยังไม่ลดดอกเบี้ย ประธาน ECB มีแนวคิดยังเสี่ยงต่ำต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
# นักลงทุนยังผิดหวังต่อการที่ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าECB จะปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงต่ำที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า ประธาน ECB ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และอาจจะไม่เร่งดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
- สหรัฐ: ผลประกอบการฟอร์ดและเทสลาอ่อนแอ
# บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา โดยฟอร์ด มอเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้เพียง 4 เซนต์/หุ้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 27 เซนต์/หุ้น และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของฟอร์ดจะอยู่ที่ 32 เซนต์/หุ้น ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดตลาดร่วงลง7.45%
+/• จับตาประชุมเฟด และเจรจาการค้าเกิดขึ้น 30-31 ก.ค.62
# นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 ก.ค.เช่นกัน
- ดาวโจนส์: ปรับลง นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการ ECB ไม่ลดดอกเบี้ย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,140.98 จุด ลดลง 128.99 จุด หรือ -0.47% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,003.67 จุด ลดลง 15.89 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,238.54 จุด ลดลง 82.96 จุด หรือ -1.00%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และเทสลา มอเตอร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในการประชุมเมื่อวานนี้
+ น้ำมัน: ปรับขึ้นเล็กน้อย สต็อคน้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 56.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 63.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
• ทองคำ: ปรับลง ดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 8.90 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่1,414.70 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามช่วงปลายสัปดาห์คือ GDP 2Q62
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส2/2562 โดยทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ : ปีนี้มีแนวโน้มชะตัวลงกว่าปี 61
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาพรวมสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศจะขยายตัว 4.5% ชะลอลงจากที่ขยายตัว 5.7% ในปี 2561 เนื่องจากการเบิกใช้สินเชื่อในช่วงครึ่งปีแรกยังฟื้นตัวไม่มาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อภาคธุรกิจ สำหรับสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตดีในช่วงครึ่งแรกของปีนั้น คาดว่า คงชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัจจัยพิเศษที่สนับสนุนการเร่งตัวของสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทยอยลดลง อย่างไรก็ดี การเติบโตในอัตราที่ชะลอลงของสินเชื่อดังกล่าว ยังเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับข้อจำกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ (Aspen)
# ผลกระทบ: สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2H62 ทั้งนี้สินเชื่อของกลุ่ม ณ สิ้นมิ.ย.62 เติบโต+3.1%YoY รายได้ค่าธรรมเนียมงวด 1H62 หดตัว -2.2%YoY แต่คาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร
# คำแนะนำ: หุ้น Top picks เป็น BBL และ KKP โดย BBL ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่จะดีขึ้น เพราะธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อภาคธุรกิจสูงสุดในกลุ่ม ส่วน KKP เป็นธนาคารเล็กที่มีการเติบโตดีในปีนี้ และจ่ายปันผลสูง (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) คาด Yield ปีนี้ประมาณ 7% (ณ ราคาหุ้น 71.75 บาท)
+ การใช้สิทธิประโยชน์ส่งออก GSP 5M62 เพิ่มขึ้น
# อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562(ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 30,668.86 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.76% มีอัตราการใช้สิทธิ 79.23% ของการได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]