WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“เน้นซื้อค่าบวก,อ่อนตัวมีฟิวเตอร์ 1585”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
       สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ Outperform เมื่อเทียบกับ MSCI Emerging Markets Index ซึ่งปรับตัวลดลงเพราะกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สำหรับการปรับลดประมาณการ GDP Growth ไทยในปี 58 ของธปท.เป็น 4.8% (เดิม 5.5%) ไม่ Surprise ตลาดเพราะหลายสำนักวิจัยประเมินไว้ในระดับ 4.5-5.0% อยู่แล้ว (ส่วน DBS คาดการณ์อย่างอนุรักษ์นิยมที่ 4.0%) ปิดตลาด SET Index +8.17 จุดที่ 1600.16 แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อย (ประมาณ 200 ล้านบาท) สำหรับสัปดาห์นี้ จับตาว่า SET จะอยู่เหนือ 1600 จุดได้ต่อหรือไม่ ปัจจัยบวกคือ การเติบโตที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐแต่ขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหรือไม่ รวมทั้งปัญหาการเมืองต่างประเทศก็เข้ามากดดันเป็นระลอกๆ การเข้าซื้อใหม่ในระดับ SET 1600+/- จุดต้องใช้ความรอบคอบและระมัดระวังอย่างสูง เพราะ Valuation อยู่ในโซนสูงแล้ว (Forward P/E ปี 57 เท่ากับ 16.3 และปี 58 ที่ 14.3 เท่า โดยค่าเฉลี่ย P/E สูงสุดของตลาดหุ้นไทย4 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 15.9 เท่า) รวมทั้งควรปรับลดความคาดหวังใน Gap กำไรให้น้อยลง & เพิ่มความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์ให้มากขึ้น ในวันนี้หุ้นพื้นฐานที่เราแนะนำลงทุนเป็น MINT ซึ่งประเมินว่าธุรกิจโรงแรม & อาหารจะเริ่มฟื้นได้ตั้งแต่ 2H57 และเติบโตแกร่งในปี 58 (ดูรายละเอียดเพิ่มในFundamental Pick วันนี้)

        กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1585 จุดควรชะลอ/ลดพอร์ต โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1560-1550 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1610-1620 จุด ส่วนหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ประกอบด้วย VIH, STPI, KAMART, SUPER, CENTEL, TMB, LOXLEY, SUPER, THCOM, VGI, MINT (สีน้ำเงิน คือหุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือ CGS, CGD, CWT หุ้นที่หลุด List ได้แก่ KKP

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+ GDP 2Q57 สหรัฐ +4.6%...สูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 54 โดยมีการทบทวนเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ 4.2% โดยมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การส่งออก และการลงทุนในสินค้าคงคลังภาคเอกชน
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนก.ย.เพิ่มเป็น 84.6ในเดือนก.ย. จาก 82.5 ในเดือนส.ค. (สำรวจโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน) บ่งชี้ว่าผู้บริโภคสหรัฐยังมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
+ DJIA ยืนเหนือหมื่นเจ็ดพันจุดอีกรอบ ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น167.35 จุด หรือ 0.99% ที่ระดับ 17,113.15 ดัชนี S&P 500 +0.86% ปิดที่ 1,982.85 ดัชนี Nasdaq +1.02% ปิดที่ 4,512.19 จุด
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 1.01 ดอลลาร์หรือ +1.1% ปิดที่ 93.54 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ที่ตลาดลอนดอนทรงตัวที่ 97 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.ลดลง 6.5 ดอลลาร์หรือ 0.53% ปิดที่ 1,215.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่ำสุดนับตั้งแต่ 31 ธ.ค.56โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวดีขึ้น

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
• ธปท.คงคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 ไว้ที่ 1.5% ส่วนปี 58 ลดเหลือโต 4.8% (เดิม 5.5%) โดยการบริโภคในประเทศฟื้นตัวดีกว่าคาดในช่วง 2H57 แต่ชดเชยไปด้วยการท่องเที่ยว & ส่งออกฟื้นตัวช้ากว่าคาด และความล่าช้าได้ส่งผ่านไปยังปี 58 ทำให้ประมาณการเศรษฐกิจในปีหน้าลดลง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ใหม่ยังไม่รวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่กำลังจะออกมา สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 57 อยู่ที่ 2.2% และ 2.1% ในปี 58 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี 57อยู่ที่ 1.6% และปี 58 ที่ 1.3%
• กลุ่มพลังงาน : ส.อ.ท.เตรียมเสนอก.พลังงานให้ทบทวนเรื่องการใช้ระบบ Feed in Tariff แทนระบบ Adder สำหรับพลังงานทางเลือก เนื่องจากระบบ Feed in Tariff อาจมีความเสี่ยงต่อผู้ประกอบการ เพราะเป็นการกำหนดเงินสนับสนุนคงที่ระยะยาว 25 ปีในราคาตายตัว ขณะที่ต้นทุนผู้ประกอบการอาจเปลี่ยนแปลง โดยถ้าต้นทุนสูงขึ้นมากผู้ประกอบการอาจจะได้ผลตอบแทนที่ต่ำเกินไปนอกจากนั้นยังจะเสนอให้เพิ่ม Adder ในส่วนการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลและก๊าซชีวภาพ, เสนอให้ขยายเวลาให้ Adder การผลิตไฟฟ้าจากขยะจาก 7 เป็น 10 ปี และกำหนดค่า Adder โรงไฟฟ้าลมทั้งโรงใหญ่และเล็กเท่ากัน (เดิมให้โรงเล็กมากกว่า 1 บาท/หน่วย)

• กลุ่มหลักทรัพย์ : สมาคมโบรกเกอร์เตรียมยื่นแนวทางควบคุมหุ้นที่ราคาปรับขึ้นร้อนแรง เช่น ไม่ให้นับเป็นหลักประกัน หรืออาจใช้วิธีเพิ่มหลักประกันหากต้องการซื้อขาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จะไม่ใช้มาตรการเข้มงวดมากเกินไปเพราะห่วงจะกระทบหุ้นพื้นฐานไปด้วย คาดว่าเสนอ SET & MAI เร็วๆ นี้
+ PS : ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ปี 58 ไม่ต่ำกว่า 60-70 โครงการ โดยปัจจัยหนุนธุรกิจในช่วง 4Q57 และปีหน้า คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการในต่างจังหวัดเพิ่ม คาดสัดส่วนรายได้จากยอดขายในต่างจังหวัดจะเป็น 10% ใน 2-3 ปีข้างหน้าจาก 5% ในปัจจุบัน...เราชอบPS ที่มีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจที่ดี มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า และเป็นผู้ประกอบการที่มีต้นทุนต่ำมากรายหนึ่ง รวมถึงมีEconomy of scale ด้วย คาดกำไรสุทธิปี 57-58 เติบโต 12% และ 23%ตามลำดับ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 43 บาท อิง P/E ปี 58 ที่ 12 เท่า
• BEC : ออกอากาศอนาล็อกผ่านดาวเทียม & เคเบิ้ลถึง 11 ต.ค.ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาคำสั่งกสท.ที่ห้ามไม่ให้โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ล นำสัญญาณภาพช่อง 3 ระบบอนาล็อกมาออกอากาศในโครงการข่ายของตนออกไปจนถึงวันที่ 11 ต.ค.57 เวลา16.30 น.
• S : กำลังเจรจาซื้อกิจการเข้ามาเพิ่ม คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 ดีลภายใน 1 เดือนข้างหน้านี้ รวมทั้งจะหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้น S เพิ่มเพราะขณะนี้กลุ่มบุญรอดฯ ถือ 90% รายย่อย 10% ซึ่ง Free Floatingต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดฯที่ 15% โดยกำลังเจรจาหาพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศ โดยสนใจพันธมิตรต่างประเทศเป็นพิเศษเพราะจะช่วยต่อยอดธุรกิจและขยายตลาดไปได้อีกมาก เป้าหมายบริษัท คือ ทำธุรกิจอสังหาฯทุกรูปแบบ (ที่พักอาศัย, โรงแรม, ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน) โครงการที่กำลังออกแบบ คือ สิงห์ คอมเพล็ก อโศก จะเริ่มก่อสร้างปี 58 (มูลค่าที่ดินที่จะใช้ทำโครงการ 3.3 พันล้านบาท)...ระวังการเก็งกำไรผลประกอบการล่วงหน้ามาก จนทำให้ Valuation สูงเกินไป
• สรุปรายชื่อสปช. 250 คนแล้ว โดยคสช.ส่งต่อให้เลขาธิการครม.ตรวจสอบคุณสมบัติ และจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ วันที่ 2 ต.ค.57...ติดตาม 1)การปฎิรูปเรื่องหลักๆ ของประเทศ และ 2) แนวทางที่จะทำให้การปฎิรูปเดินหน้าต่อหลังเลือกตั้งใน 1 ปีข้างหน้า เพราะสิ่งที่ตลาดกังวล คือนโยบายหรือแนวทางของประเทศที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลังมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนนี้อาจจำกัดการลงทุนภาคเอกชนในปี 58 ให้เติบโตไม่มากนัก

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!