- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 September 2014 18:07
- Hits: 1884
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
ขาย
SET เมื่อวันศุกร์ขึ้นปิดทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 เดือนปิดที่จุดสูงสุดของวัน 1600.16 จุด (+8.17 จุด, +0.51%) โดยมีแรงซื้อในช่วงท้ายตลาดผลักดันดัชนี ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางขึ้นสวนตลาดในภูมิภาค กลุ่ม SET50 มีอัตราดีดตัวขึ้นสูงกว่าตลาดที่ 0.55% กลุ่มสื่อสาร, อสังหาฯ, พลังงาน, อาหาร. และวัสดุฯขึ้นนำตลาด ลดลงมาสุดได้แก่กลุ่มอิเล็กทรอนิก ขนส่ง มีเดียส์ มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 44,642 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติสลับขายสุทิ 122 ล้านบาท - กองทุนในประเทศสลับซื้อสุทธิ 355 ล้านบาท
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
OECD ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ลงถ้วนหน้า มองการฟื้นตัวยังคงอ่อนแอ และมีความจำเป็นที่ต้องการมีปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ ยูโรโซนน่าเป็นห่วงสุดจากอัตราเงินเฟ้อต่ำกระทบความต้องการภายในและการจ้างงาน และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด โดยได้ปรับลดคาดการณ์ เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตได้ 2.1% ในปี 57 (เดิม คาด การณ์ที่ 2.6%) ส่วนยูโรโซนคาดว่าจะเติบโตได้เพียง 0.8% (เดิมคาดการณ์ที่ 1.2%) กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่ไม่ปรับ เปลี่ยนคาดการณ์การเติบโของจีนจาก 7.4% แต่เพิ่มคาดการณ์การเติบโตของอินเดียเป็น 5.7% และปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลลงเหลือ 0.3% ในปีนี้
ธปท.คงคาดการณ์จีดีพีของไทยปี 57 ที่ 1.5% และปี 58 เติบโต 4.8% (คาดการณ์เดิมที่ 5.5%) ในปี 57 การใช้จ่ายในประเทศดีขึ้นมากกว่าที่คาด แต่ถูกทอนลงด้วยการส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าประเมิน ส่งผลต่อเนื่องให้การเติบโตในปี 58 ขยายตัวต่ากว่าประมาณการเดิม คาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปี 57 อยู่ที่ 2.2% (เดิม 2.6%) และปี 58 ที่ 2.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้น ฐานปี 57 ที่ 1.6% (เดิมคาด 1.7%) และ ปี 58 คาดการณ์ที่ 1.3% นอกจากนี้ได้ปรับลดประมาณการส่งออกปี 57 จากเติบโต 3% เป็น 0% หรือไม่เติบโต แต่ปี 58 คาดว่าจะขยายตัว 4% ส่วนนิด้าคาดจีดีพีไทยปีนี้โต 1.8%และ ปี 58 โต 5.4%
SET ได้ขึ้นทดสอบที่ 1600 จุด 4 ครั้งในเดือนมี.ค. 56 และตามมาด้วยปรับฐานลงที่ค่อนข้างแรง (-110 จุดในเดือนเม.ย. 56) และหลังจากนั้นได้ขึ้นทดสอบอีกครั้งในเดือนพ.ค. และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ 1650 จุดในปลายเดือนพ.ค. 56 และตามมาด้วยการปรับฐานลงแรงกว่า (-370 จุดในเดือนม.ค. แต่เป็นเงื่อนไขลบจากปัจจัยการเมือง) และวานนี้เป็นอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย? เราประเมินว่าแรงผลักดันราคาเพื่อปิดงวดสิ้นไตรมาส 3/57 ในความเสี่ยงของราคาที่สูงมากขึ้นเรามองเป็นโอกาสขายทำกำไร (SCB, TTA, SAMART)
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตถือครองเหลือ 20%
เราได้ลดพอร์ตถือครองหุ้นเหลือ 20% และสัดส่วนการถือครองเงินสด 80% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 4 บริษัทคือ PTTEP, HMPRO, CPALL, และ ADVANC
Accumulate : -- รอสะสมหุ้น
Trading : เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1600 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง
พอร์ตหุ้น 20% ถือเงินสด 80%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +1.6%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.6%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +3.2%
ผลตอบแทนตลาด SET = +17.7%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 4 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130