- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 July 2019 16:23
- Hits: 2434
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
-------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ1,720-1,735จุด โดยคาดเห็นแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการของภาครัฐฯ ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันพรุ่งนี้
• Market Factor
• (+) ดัชนี S&P500 และ DJIA วานนี้ปิดบวก 0.68%DoDและ 0.65%DoD ตามลำดับหลังสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ นายโรเบิร์ตไลท์ไฮเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนส่งผลบวกต่อsentiment ตลาดหุ้นต่างประเทศ
• (-) IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลง สู่ระดับ 3.2% ถือเป็นการปรับลดครั้งที่สองจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ม.ค. และ เม.ย.ที่ระดับการขยายตัว 3.5% และ 3.3% ตามลำดับมองมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้า และเทคโนโลยี ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น และทำให้การลงทุนชะลอตัว (อินโฟเควสท์)
• (-) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือน มิ.ย.62 อยู่ที่5,586 ราย คิดเป็นมูลค่า 15,147 ลบ.ลดลง57%MoM และ 38%YoY แต่อย่างไรก็ดี ช่วง 1H62 ตัวเลขรวมอยู่ที่ 38,222 รายเพิ่มขึ้นราว 2%YoY โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป (อินโฟวเควสท์)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.57บาท หรือลดลง 9.18% Year To Date
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,720.68 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติซื้อสุทธิรวม 22,710.65 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาส Sideway-Up ในกรอบ 1,720-1,750 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ หลังช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีการเปิดเผยคำแถลงต่อสภาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 ก.ค. ที่พูดถึงนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ซึ่งคาดจะมีรายละเอียดในการดำเนินนโยบายมากขึ้นในภายหลัง ขณะที่ทิศทางของ Fund Flow คาดกลับมาผันผวน หลัง 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.910% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.053% กอปรกับปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.7x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง นอกจากนี้ยังคาดนักลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างติดตามทิศทางการประชุม Fed ในวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ (Bloomberg Consensus คาดมีโอกาส 81.5% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ค. และคาดปี 62 มีโอกาส 44.3% ที่จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง) ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 2 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุงศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท) DCC (คาดปี 62 โต YoY หนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธรุกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ราย ได้แก่บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO) และ ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมาเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วและคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโต HoH และโต YoYหนุนด้วยช่วง 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการกลับมาเปิดของ 3 สาขาที่ปิดปรับปรุง)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) และ LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่อง จากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโตYoYและคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
23-Jul-19 Change (pts.) 22-Jul-19
SET Index 1,724.87 -2.71 1,727.58
SET50 Index 1,139.56 -1.11 1,140.67
SET100 Index 2,527.19 -3.68 2,530.87
High 1,732.69 Gainers 590
Low 1,719.93 Unchanged 542
Value (Bt m) 62,139.10 Losers 888
Volume (*000) 20,754,935
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 15.0 15.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 2.9
EV/EBITDA (x) 11.1 10.3 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 23-Jul-19 WTD MTD YTD
Institution (1,736.52) (5,284.70) (25,260.67) (1,873.21)
Proprietary (302.05) 406.18 1,900.09 19,578.03
Foreign 1,720.68 3,902.66 22,710.64 63,359.84
Individual 317.89 975.86 649.94 (81,064.65)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary