- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 September 2014 17:21
- Hits: 1913
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ขึ้นถึงเป้าแล้วคาดว่าจะสูงกว่านี้ได้ไม่มากและไม่นาน จึงเน้นขาย!!
กลยุทธ์ : SET เริ่มขยับขึ้นมาถึงระดับดัชนีเป้าหมายที่ FSS คาดไว้แล้วบริเวณ 1600 จุด ซึ่งถ้าจะขยับสูงกว่าขึ้นไป เราก็มองว่าจะสูงกว่าได้ไม่มากนัก และอาจจะยืนสูงกว่าได้ไม่นานด้วย เพราะตลาดมีความเสี่ยงต่อการที่จะจบรอบขาขึ้นในช่วงท้ายเดือนนี้หรืออย่างช้าต้นเดือนหน้าตามที่เคยกล่าวถึงไปแล้ว และต้องระวังการกลับไปปรับตัวลงในระดับ 100-200 จุดในเดือนถัดๆ ไป จึงยังแนะนำให้เน้นขายลดพอร์ตช่วงบวกต่อไปเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : VGI, THCOM, GFPT(short)
แนวโน้ม : หลังจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว SET แกว่งตัวค่อนข้างแข็งแกร่งพอควร โดยยังมีจังหวะขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะๆ ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงหนุนจากการปิดเป็นบวกค่อนข้างดีของตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรป หลังถูกเทขายหนักเมื่อวันก่อน โดยนักลงทุนขานรับข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ทำให้ FSS ยังคาดหมายโอกาสที่ SET จะยังแกว่งตัวบวกต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีได้ขยับขึ้นมาถึงระดับเป้าหมายที่ FSS คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้ว ซึ่งเรามองว่าโอกาสที่จะยืนสูงกว่า 1600 จุดได้มากๆ หรือยืนนานๆ ยังมีความเป็นไปได้น้อย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ไม่ได้ตอบรับในเชิงบวกมากนัก โดยตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นบวก/ลบในกรอบจำกัดอยู่ ส่วนปัจจัยที่จะมาสนับสนุนตลาดเพิ่มเติมในช่วงนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำให้เน้นไปทางทยอยขายลดพอร์ตช่วงบวกต่อไปก่อนดีกว่า
แนวรับ 1598-1596 , 1594-1592 จุด แนวต้าน 1603-1605 , 1608-1615 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมายังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 จำนวน US$1,833 ล้าน หนาแน่นขึ้นจาก US$872 ล้าน เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลออกทุกประเทศในภูมิภาค โดยไหลออกมาที่สุดจากประเทศอินโดนีเซีย US$118.5 ล้านเหรียญ ตามด้วยไต้หวัน US$85.6 ล้านเหรียญ หลังจากสหรัฐประกาศตัวเลข GDP ขยายตัว 4.6% ใน 2Q14 ซึ่งดีที่สุดตั้งแต่ 4Q11 ส่งผลค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีโอกาสไหลออกจากภูมิภาค
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ธปท. คงคาดการณ์ GDP ปี 2014 ที่ 1.5% แต่ปรับลด GDP ปี 2015 ลงเป็น 4.8% จาก 5.5% จากการฟื้นตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ล่าช้ากว่าประเมินไว้เดิม อย่างไรก็ตามถือว่ายังใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่ 2% และ 4.6% ตามลำดับ โดยคาดการลงทุนและการเบิกจ่ายภาครัฐจะเป็นตัวนำการเติบโตในปี 2015 ด้านเงินเฟ้อโดยรวมธปท.ยังไม่กังวลนัก โดยได้ปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลงเป็น 1.6% จาก 1.7% และเงินเฟ้อทั่วไปลงเป็น 2.2% จาก 2.6% ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงและนโยบายปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศของภาครัฐ
(+) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง: การลงทุนภาครัฐกำลังเริ่มต้น โดยวันที่ 30 ก.ย. นี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงินลงทุน 2.9 หมื่นล้านบาท จะเปิดให้ผู้รับเหมา 31 ราย ยื่นซองเสนอราคา และคาดว่าจะเซ็นสัญญาในเดือนธ.ค.14 หรือช่วงต้นปี 2015 นอกจากนี้ การเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ 1 แสนล้านบาทที่ค้างจากงบประมาณปี 14 และการเบิกจ่ายไตรมาสแรกของงบประมาณปี 15 น่าจะช่วยให้มีการลงทุนงานก่อสร้างมากขึ้นในช่วง 4Q14 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการเล่นเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นระยะๆ Top pick ของกลุ่ม CK ราคาเป้าหมาย 30 บาท
(0) PTT ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2014 เพิ่ม 1% และในปี 2015 เพิ่มอีก 4% จากที่คาดว่ากระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคา NGV อีก 1 บาท/กก. เป็น 11.50 บาท/กก. ซึ่งจะทำให้ปตท. มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันปตท. รับภาระขาดทุนจากการขาย NGV ปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากปตท. มีต้นทุนราคาขาย NGV สูงถึง 15 บาท/กก. อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนการปรับขึ้น NGV ครั้งนี้จนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ค่อนข้างจำกัด จากราคาเป้าหมายปี 2015 ใหม่ที่ 385 บาท ที่รวมผลการปรับขึ้น NGV แล้ว ราคาหุ้นยังซื้อขายกันที่ระดับ PE ปี 2015 ที่ 10 เท่า PBV 1.3 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่มี PE 10.5 เท่าและ PBV 1.4 เท่า รวมถึงอัตราการเติบโตของกำไรปี 2015 เพิ่มขึ้นเพียง 4.2% ดังนั้นจึงยังแนะนำเพียง ถือ นอกจากนี้ประเด็นการปฏิรูปพลังงานของคสช. และการปรับโครงสร้างธุรกิจของปตท เช่น การแยกธุรกิจท่อและการลดสัดส่วนในการถือหุ้นในโรงกลั่น BCP และ SPRC อาจยังกดดันราคาหุ้นอีกระยะจนกว่าจะมีความชัดเจน
(0) BJC เราได้ชม Metro เวียดนามเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รูปแบบสาขาและการจัดวางสินค้าคล้าย Makro ที่ไทย แต่มีการขายสินค้าทั้งปลีก, ยกแพ็ค และยกลัง มีทั้งสินค้า Local และสินค้านำเข้า Premium ที่ผ่านมา Metro มีผลขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2013 ขาดทุน 256 ลบ. ในขณะที่สภาพคล่องไม่ดีนัก Current Ratio ต่ำเพียง 0.59 เท่า ภายหลังซื้อกิจการแล้วเสร็จใน 1H15 คาด Metro จะคุ้มทุนเร็วสุดในปี 2017 คงราคาเป้าหมาย 50 บาท ราคาหุ้นปรับลงมา 9% จากที่แนะนำขายในเดือน ส.ค. ทำให้มี Upside กว้างขึ้น ปรับขึ้นเป็นถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้พอสมควรหลังจากร่วงแรงในวันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนหลังรัฐบาลออกมาปรับทบทวนตัวเลขการเติบโตของ GDP ในไตรมาส 2 ขึ้น รวมถึงตัวเลขดัชนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์รีบาวด์กลับมาได้เช่นกันรับข่าวที่ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสหรัฐฯขยายตัวในอัตราที่เร็วสุดนับตั้งแต่ 4Q11
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมมีทั้งบวกและลบ โดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อเยอรมนีในวันนี้และ PMI ภาคการผลิตของจีนในเช้าวันพรุ่งนี้
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างแรงจากกระแสเงินทุนที่ไหลออก ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.32-32.48 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับตัวขึ้น 1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 93.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีการปรับเพิ่มตัวเลข GDP 2Q14 ขึ้น รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้ตลาดคาดว่าอุปสงค์ของพลังงานจะเพิ่มขึ้นตาม
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 6.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,215.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯลังขยายตัว ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครอบสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 ก.ย. - สหรัฐ: Pending home sales (ส.ค.)
- ไทย: สศค. ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค (นำเข้า/ส่งออก, ดุลการค้า)
30 ก.ย. - สหรัฐ: Consumer Confidence (ก.ย)
- EU: CPI (ก.ย.)
- ธปท. รายการเศรษฐกิจเดือนส.ค
1 ต.ค. - สหรัฐ: ISM Manufacturing (ก.ย)
- EU: CPI (ก.ย.)
2 ต.ค - EU: ECB Meeting
3 ต.ค. - US Non-farm payroll (กย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852