WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Buy on Weakness
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ ฟื้นตัวแรงในช่วงท้ายตลาดจนสามารถปิดยืนเหนือ 1,600 จุด เป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 11 เดือน มาอยู่ที่ 1,600.16 จุด บวก 8.17 จุด มูลค่าการซื้อขายหนา 44,642 ล้านบาท


      แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เพียง 122 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,426 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เช่นกัน 669 ล้านบาท ภาพรวมของกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นกลางถึงบวกในมุมมองของ MBKET

      ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET คาดว่า SET INDEX มีความพยายามที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,610 จุด +/- ด้วยภาวะการลงทุนที่เอื้อต่อการเก็งกำไร และ Window Dressing ในช่วงสุดท้ายของไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม MBKET เชื่อว่า SET INDEX จะยังไม่ผ่านแนวดังกล่าวได้ในวันนี้ เพราะยังมีตัวแปรสำคัญคือ กองทุน Trigger funds ที่ NAV ใกล้แตะระดับเป้าหมายจะเกิดแรงขายเข้ามา
ปัจจัยสำคัญในวันนี้ นักลงทุนติดตามตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. ของไทย Bloomberg consensus คาด -3.25% yoy จากเดือนก.ค.ที่ -0.85% yoy หากออกมาดีกว่าคาดและทำให้ดุลการค้าเกินดุล จะเป็นปัจจัยบวกเชิงพื้นฐานให้แก่ตลาดหุ้นไทย
 

    ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ จับตาความวุ่นวายทางการเมืองในเกาะฮ่องกง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ผู้ชุมนุม ทั้งนี้จะมีการนัดชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 1 ต.ค. อาจทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับฐานลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “เข้าเก็งกำไรอย่างจำกัดวงเงิน เมื่อราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV / CK
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Speculative buy: AAV / CK

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,600 จุดได้ในที่สุด
SET INDEX คาดปิดยืนเหนือ 1,600 จุด เป็นวันที่ 2

ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค.วันนี้
      กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรรายตัว หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ สอดคล้องกับ DJIA คืนวันก่อนหน้า อีกทั้งขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
     สำหรับตลาดหุ้นไทย SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ 1,590 จุด +/- เกือบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย แต่ถือว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง TIP market อย่างไรก็ตาม เกิดแรงเก็งกำไรในช่วงท้ายตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นหลักอย่าง PTT / ADVANC / SCC / KBANK ผลักดันให้ SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,600 จุด มาอยู่ที่ 1,600.16 จุด บวก 8.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,642 ล้านบาท
      กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหล็ก +1.98%, กลุ่ม Home +1.64% และกลุ่ม ICT +1.22% ส่วน กลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.24%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.31% และกลุ่มพลังงาน +0.76%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
      ตลาดหุ้นเอเชีย (7.24 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดฟื้นตัวลักษณะ Technical Rebound ขณะที่ Kospi ปรัตัวลงเล็กน้อย ภาพรวมของการลงทุนในเอเชียเช้านี้เป็นกลาง
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 2 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,600 จุดวันศุกร์ที่ผ่านมา เร็วกว่าที่เราคาดการณ์เล็กน้อย อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียเป็นบวกจากการฟื้นตัวของ DJIA ที่กลับมาปิดยืนเหนือ 17,000 จุดอีกครั้งในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เพียงแต่แนวต้านระยะสั้น 1,610-1,620 จุด อาจเผชิญกับแรงขายจากกองทุน Trigger funds มากขึ้น โอกาสผ่านด่านดังกล่าว อาจต้องใช้เวลา
      ดังนั้น SET INDEX วันนี้ มีแนวโน้มแกว่งในกรอบระหว่าง 1,595-1,610 จุด หุ้นหลักยังคงแข็งแกร่ง และปิด Downside risk ของ SET INDEX ในภาพรวม ขณะที่ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเอื้อต่อภาวะการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย ตลอดสัปดาห์ ได้แก่
       •แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรี พล.เอก ประยุทธ์ เตรียมแถลงในสัปดาห์หน้า โดยมุ่งเน้นการสร้างงานเป็นสำคัญ MBKET คาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้
•ตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือนส.ค. วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออก – นำเข้า เดือนส.ค. ส่วนวันพรุ่งนี้ ธปท. จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวม หากส่งสัญญาณเชิงบวก ย่อมเป็นปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อการผลักดันตลาดหุ้นไทย
•ติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 2 ต.ค. MBKET และตลาดต่างคาดหวัง ECB จะตัดสินใจเริ่มโครงการ QE ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ในตลาดตราสารหนี้ เพื่อเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน และลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ภาคเอกชน ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางตรง และทางอ้อม ต่ออียู หากเป็นไปตามที่ประเมิน คาดว่า
oค่าเงินยูโรจะพลิกกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ลักษณะ Sell on Fact จากผลการประชุม ECB


oราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว
oเปิดโอกาสของการทำ Euro carry trade เพื่อนำเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
      ขณะที่ช่วง 1-2 วันนี้เป็นการทำปิดงวดไตรมาสที่ 3 ของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้หุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยทรงตัวในระดับแข็งแกร่ง
      ขณะที่การสู้รบระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตร เริ่มเปิดฉากสู้รบกลุ่มไอเอส ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังจำกัดอยู่ในพื้นที่บริเวณชายแดนประเทศซีเรีย MBKET ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้เป็น “กลาง” เท่านั้น พร้อมติดตามพัฒนาการของการสู้รบทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงการเมืองระหว่างประเทศ และจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท
      กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “เข้าเก็งกำไรในหุ้นเป้าหมาย แบบจำกัดวงเงิน หากราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” โดยวางระดับเป้าหมายของ SET INDEX จาก ณ ระดับ 1,600 จุดได้อีก 20-25 จุด พร้อมกับความผันผวนที่สูงมากยิ่งขึ้น จึงควรจำกัดวงเงินเก็งกำไรมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.วันนี้ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนส.ค.ของไทย
•การส่งออก Bloomberg consensus คาด -3.25% yoy จากเดือนก่อนหน้าที่ติดลบ 0.85% yoy
•การนำเข้า Bloomberg consensus คาด -4.30% yoy จากเดือนก่อนหน้าที่ติดลบ 2.86% yoy
•ดุลการค้า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$110 ล้าน จากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุลมากถึง US$1.102 พันล้าน
MBKET ให้น้ำหนักกับตัวเลขดังกล่าว หลังค่าเงินบาทเริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะช่วยให้ภาคการส่งออกฟื้นตัวได้หรือไม่ หาก
•ตัวเลขออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าคาด MBKET เชื่อว่าเม็ดเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และแนวโมค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
•แต่หากตัวเลขออกมาแย่กว่าคาด MBKET คาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจส่งแรงกดดันเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นๆ นี้ได้ แต่ไม่มาก เพราะนักลงทุนจะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจากธปท.ในวันพรุ่งนี้
2.ราคาหุ้น BBL / BBL-F อาจย่อตัวลงผิดปกติ: เพราะการปรับน้ำหนักของดัชนี MSCI ณ ราคาปิดวันนี้ในหุ้น BBL / BBL-F หลัง NVDR มี Free Float แตะระดับ 35% ซึ่งเต็มเพดาน เงื่อนไขการลงทุน ดังนั้น กองทุนต่างประเทศที่อ้างอิงดัชนี MSCI จะต้องปรับน้ำหนักพอร์ตในวันนี้
MBKET ประเมินว่า การปรับตัวลงของหุ้น BBL ในวันนี้ อาจกลายเป็นการสร้างโอกาสของการเข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าว เพราะปัจจัยพื้นฐานของ BBL ยังคงแข็งแกร่ง ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นเพียงปัจจัยภายนอกและเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น
3.ติตตามประเด็นการเมืองในฮ่องกง: หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง ได้ใช้ก๊าซน้ำตาและสเปรยพริกไทย เข้าสกัดกั้นผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมได้ขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น พร้อมประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 ต.ค. ประเด็นที่เกิดการประท้วงคือ การเลือกตั้งในเกาะฮ่องกงจะถูกกำหนดโดยรัฐบาลจีน ไม่เกิดความเป็นอิสระเหมือนที่เคยเป็นมา ทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากไม่พอใจ เริ่มต้นด้วยนักศึกษานัดหยุดเรียนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
MBKET ให้ความสนใจกับประเด็นนี้ เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินในเอเชีย ร่วมกับสิงคโปร์ หากทางการเมืองในฮ่องกงเกิดความเสี่ยง อาจทำให้เงินทุนโยกจากฮ่องกงเข้าสิงคโปร์ และรวมถึงการกระจายเงินลงทุนสู่ตลาดอื่นๆ ในเอเชีย เพื่อลด / ปิดความเสี่ยงในฮ่องกงช่วงสั้นนี้ MBKET คาดว่าตลาดเงินและตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงค์ดังกล่าว แต่จิตวิทยาการลงทุน อาจเผชิญกับแรงกดดันเมื่อ HSKI มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.31 13.99 16.23 13.93
PSE 20.57 17.74 20.67 17.82
JSE 16.61 14.10 16.83 14.29
KOSPI 10.35 9.01 10.34 9.02
TAIEX 14.19 12.97 14.19 13.41
Straits Tim
14.54 13.38 14.53 13.38
SHCOMP 9.32 8.25 9.32 8.25
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.CK : ราคาปิด 28.25 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะปรับตัว Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์นี้เนื่องจาก
I.จะมีการยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต – สะพานใหม่คูคต) ในวันพรุ่งนี้ วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
II.คาดรัฐบาลจะประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในวันอังคาร / พุธนี้ หลังเตรียมเสนอให้ครม.พิจารณาในวันอังคาร
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL สูงถึง 800 ล้านบาท
c)เราให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 2.5 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.6 เท่า และจุดเด่นของ CK อยู่ที่คุณภาพของ Asset ในบริษัทลูก ได้แก่ TTW, BECL, BMCL, CKP ที่อยู่ในธุรกิจสาธารณูปโภค และจะช่วยผลักดันการเติบโตในระยะยาวให้กับบริษัท
2.AAV : ราคาปิด 4.80 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น AAV มีโอกาสตอบรับเชิงบวก หากการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในวันอังคาร / พุธนี้ เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
b)คาดผลประกอบการ 3Q57 พลิกกลับเป็นกำไร จาก 2Q57 ที่ขาดทุนสุทธิ จากจำนวนผู้โดยสารที่เริ่มฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังปัจจัยการการเมืองคลายตัว และ อานิสงค์ของการยกเว้นค่าวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน และไต้หวัน
c)และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลง โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง -11.3% QTD เหลือ US$93.57/barrel สิ้นสุดวานนี้
d)คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ที่ 1,671 ล้านบาท +240% yoy เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มสายการบิน และราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ รายได้ – รายจ่ายส่วนบุคคล, ยอดขายบ้านรอปิดการขาย

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก US$221 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$330 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -86.5 -197.8 11,739.9 9,188.0
KOSPI -0.6 -149.3 7,854.1 4,875.1
JSE -118.5 -46.2 4,344.9 -1,806.4
PSE -11.0 7.5 1,259.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -0.4 -18.7 229.7 263.2
SET INDEX -3.8 74.4 -20.9 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลงทุนในไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -122 +2,398
SET50 Index Futures (สัญญา) +1,426 +4,315
SSF (สัญญา) +108 +3,167
Metal Futures (สัญญา) +432 -300
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +669 +6,232

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เพียง 122 ล้านบาท เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 10,084 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2,434 ล้านบาท
แต่ยังคงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 1,426 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 6,557 สัญญา แม้ว่า S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index แคบลงเป็น 2.92 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 3.62 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 669 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 7,877 ล้านบาท และทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ราคาฟื้นตัว ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 2.33bps ปิดที่ 3.520% ส่วนอายุ 5 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2.52bps ปิดที่ 2.989%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 233 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 446 ล้านบาท

Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 50.86 5.24% 355.41
BBL 49.74 2.84% 207.00
KBANK 26.63 3.80% 235.21
TRUE 16.09 1.26% 12.38
ADVANC 11.25 1.33% 224.92

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย
เป็นที่น่าสนใจว่าหุ้น BBL ยังคงถูกลดน้ำหนักการลงทุนหนาแน่นต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเพียง 110 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 254 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,475 ล้านบาท โดยประเด็นการปรับลดน้ำหนักการลงทุนใน BBL / BBL-F ของ MSCI ทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยลดน้ำหนักการลงทุนนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. เป็นต้น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มพลังงาน ถูกกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 260 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 108 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 167 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 1,076 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 140 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 106 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 170 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคาร ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 604 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 687 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้างขายสุทธิ 95 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 166.34 44.35 BBL -905.96 24.41
PTT 146.10 13.65 SCC -72.69 21.95
CPALL 131.33 13.05 TRUE -46.58 5.19
PTTEP 115.63 26.18 CPF -36.03 10.19
INTUCH 105.20 31.28 CGD -33.40 3.18

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!