- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 July 2019 16:26
- Hits: 3123
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาด SET Index แกว่งในกรอบแคบ 1,730-1,740 จุด หลังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ในวันที่ 25 ก.ค. นี้
• Market Factor
• (-) ดัชนี S&Pและดัชนี DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับลง ตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ชะลอตัวลง
• (+) สำนักเลขาฯ คณะรัฐมนตรี ออกหนังสือด่วนเรื่อง การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภา ที่จะมีขึ้นวันที่ 25 ก.ค.นี้ ทั้งนี้มีเนื้อหาส่วน 12 นโยบายเร่งด่วน ความครอบคลุมเรื่อง การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน, การเสริมสร้างศักยภาพแรงงาน,การให้ความช่วยเหลือภาคเกษตร และการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจสู่อนาคตผ่านการลงุทนระบบโครงสร้างพื้นฐาน (กรุงเทพธุรกิจ)
• (+) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) แนวโน้มการท่องเที่ยวยังขยายตัว โดยมีจำนวนนทท.ต่างชาติรวม 19.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.7%YoY และมีรายได้ราว 1.01 ล้านล้านบาท ขยายตัวราว 0.3%YoY ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในช่วงวันที่ 1-14 ก.ค.62 มียอดนทท.ต่างชาติราว 1.47 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.42%YoY (ประชาชาติธรุกิจ)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 104.81บาท หรือลดลง 8.97% Year To Date
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติพลิกขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย869.55 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติซื้อสุทธิรวม18,807.99 ลบ.
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เราประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index มีโอกาส Sideway-Up ในกรอบ 1,720-1,750 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ หลังช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีการเปิดเผยคำแถลงต่อสภาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 25 ก.ค. ที่พูดถึงนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ซึ่งคาดจะมีรายละเอียดในการดำเนินนโยบายมากขึ้นในภายหลัง ขณะที่ทิศทางของ Fund Flow คาดกลับมาผันผวน หลัง 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่ 1.910% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.053% กอปรกับปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.7x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง นอกจากนี้ยังคาดนักลงทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างติดตามทิศทางการประชุม Fed ในวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ (Bloomberg Consensus คาดมีโอกาส 81.5% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ค. และคาดปี 62 มีโอกาส 44.3% ที่จะลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง) ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นหลัก 2 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: จากภาวะศก.ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนของเอกชนทำให้เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการวานนี้มีโอกาสสูงที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวที่ยังมี Upside น่าสนใจได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต5.4%YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อนเราปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท) DCC (คาดปี 62 โตYoYหนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธรุกิจที่เกี่ยวเนื่องเช่าเพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้ราย ได้แก่ บริษัท นอกจากนี้ยังซื้อขายที่ PER15.2X ถูกกว่าทั้ง GLOBAL และ HMPRO) และ ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมาเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้วและคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโต HoH และโต YoY หนุนด้วยช่วง 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการกลับมาเปิดของ 3 สาขาที่ปิดปรับปรุง)
• กลุ่ม Defensive Stock: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.) LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่อง จากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)
19-Jul-19 Change (pts.) 18-Jul-19
SET Index 1,735.10 11.66 1,723.44
SET50 Index 1,147.90 7.53 1,140.37
SET100 Index 2,546.55 17.70 2,528.85
High 1,738.70 Gainers 1,026
Low 1,732.16 Unchanged 401
Value (Bt m) 61,925.48 Losers 559
Volume (*000) 18,943,081
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 16.6 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 3.1
EV/EBITDA (x) 11.1 10.3 9.8
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.2 3.5
ROE 11.2 11.4 11.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 19-Jul-19 WTD MTD YTD
Institution 1,956.46 (5,220.30) (19,975.97) 3,411.48
Proprietary 625.35 1,553.25 1,493.92 19,171.85
Foreign (869.55) 2,438.91 18,807.98 59,457.18
Individual (1,712.27) 1,228.14 (325.92) (82,040.51)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary