WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี: Daily Focus
 
Market Outlook
วันนี้คาดดัชนี SET แกว่งตัวลง โดยมีปัจจัยกดดันจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารทยอยประกาศกำไรรวมช่วง 1Q62 ออกมาหดตัว YoYโดยมี 8 ธนาคารที่ประกาศแล้ว ได้แก่ SCB (-19.4%YoY), BBL (+0.3%YoY), TMB (-30.7%YoY), TISCO (-2.0%YoY), TCAP (+6.2%YoY), KBANK (-6.7%YoY), LHFG (+4.6%YoY) และ CIMBT (+92.4%YoY) นอกจากนี้มีประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองเกี่ยวกับเสถียรภาพการบริหารงานหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ประเมิน SET เคลื่อนไหวลงในกรอบ 1,665-1,680 จุด
 
Market Factor
(+) สหรัฐฯ รายงานตัวเลข ศก. ดีขึ้นจากยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน มี.ค. พลิกกลับมาเป็นบวกและสูงสุดในรอบ 1 ปี (Actual 1.6% vs Previous -0.2%)
(-) วันนี้ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เนื่องในวัน Good Friday โดยประเทศที่ปิดทำการซื้อขาย เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นต้น
(Watch) ติดตาม กกต. ประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส. อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 9 พ.ค. ตามกรอบเวลาที่กฏหมายกำหนด 150 วันหลังวันเลือกตั้ง
(Watch) จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้าประชุมเช้านี้ที่กระทรวงการคลังเพื่อมอบนโยบายการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนโดยจะเน้นออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อระยะสั้นเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศรวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนช่วยทดแทนภาคการส่งออกและการลงทุนจากเอกชนที่ชะลอตัว (ไทยโพสต์)
(-) เมื่อวานนี้ตลาดเปิดทำการเป็นวันที่สองหลังวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ภาพ Flow ต่างชาติยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยขายสุทธิ 1,307.25 ลบ.
 
Investment Strategy
ช่วงที่เหลือของเดือนนี้เรามองทิศทางของ SET Index แกว่งลงจาก 2 ปัจจัยเสี่ยง 1) ปัจจัยลบจากความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดกรณีสัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้าน และ 2) แนวโน้มกำไรรวมของหุ้นกลุ่มธนาคารในช่วง 1Q62 หดตัว YoY ซึ่งผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารเป็น Leading Indicator ของ Real Sector ท่ามกลางความผันผวนจากดัชนีมีโอกาสย่อตัวเข้าหาแนวรับ 1,650 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นใน 4 กลุ่มดังนี้
กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดและมีลักษณะคล้าย Fixed Income ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำ BGRIM (บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 15-20%YoY หลังรับรู้รายได้โครงการ ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 กำลังการผลิตไฟรวม 399 MW เต็มปี บวกกับมีโครงการใหญ่ที่จะ COD ในปี 62 ทั้งโครงการ Solar DTE1&2 กำลังการผลิต 420MW และโครงการ Phu Yen TTP อีก 257MW ซึ่งบริษัทคาดเริ่ม COD ในช่วง 2H62) และ SSP (ปี 62 ตั้งเป้า COD เพิ่มอีก 65.6 MW จากโซลาฟาร์มมองโกเลีย 16 MWและโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 49.6MW ส่งผลให้สิ้นปีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 157.1MW จากปี 61 ที่ 90.4MW)
กลุ่มท่องเที่ยว: อานิสงส์บวกจากการท่องเที่ยวในประเทศที่คึกคัก แนะนำ AOT (นอกจากช่วงสงกรานต์ที่แนวโน้มผู้โดยสารจะโต YoY แล้วในช่วง ม.ค.-ก.พ. 62 เผยจำนวนเที่ยวบินโต 5.59%YoYและจำนวนผู้โดยสารโต 3.47%YoY) และ ERW (ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 10-15%YoY หนุนด้วยแผนเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งให้ปีนี้ โดยแบ่งเป็นโรงแรม Hop Inn 7 แห่ง 573 ห้อง และโรงแรมขนาดกลาง 2 แห่งจำนวนห้องรวม 501 ห้อง อีกทั้งตั้งเป้า RevPar ไม่รวม Hop Inn โต 3-5%YoY และ Occupancy Rate ที่ 80% ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง)
กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์: กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274 ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่), WHA (คาดได้แรงหนุนจากธุรกิจนิคมและโลจิสติกส์ที่เติบโตดี โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินใหม่ 1,600 ไร่ จากปีก่อนมียอดขาย 1,232 ไร่ หลังล่าสุดเปิดตัวนิคมแห่งใหม่พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีนเตรียมเซ็นสัญญาซื้อแล้วราว 285 ไร่ พร้อมปรับราคาขายและค่าเช่าที่ดินในเขต EEC ขึ้นอีก 10%) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM (ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7%YoY จากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%YoYใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3%YoY)
กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoY จากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการ Wellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
 
AECS - Fundamental and Strategic Team
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 19 เม.ย. 2562

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!