•    วันนี้คาดดัชนี SET แกว่งในแดนลบ หลังเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงกว่า +0.7%DoD ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิด ซึ่งทั้ง 3 ตลาดปรับตัวลงเฉลี่ยกว่า 0.63%DoD เพราะ IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% และความกังวลของนักลงทุนต่อสงครามการค้า หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU

•    (-) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์พิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU จำนวน 1.1หมื่นล้านดอลลาร์ในสินค้าตั้งแต่ชิ้นส่วนเครื่องบินไปจนถึงไวน์หลัง WTO ตัดสินว่าการที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัสส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ

•    (-) IMF ปรับลดคาดการณ์ ศก.โลกในปี 2562 ลงเหลือ 3.3% จากเดิม 3.5% จากผลกระทบสงครามทางการค้ารวมถึงการลดการลงทุนและกระทบระบบห่วงโซ่อุปทาน

•    (+) หอการค้าไทย เผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จำนวน 1,202 ตัวอย่าง คาดมีมูลค่าการใช้จ่ายราว135,837 ล้านบาท ขยายตัว 2.78% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ประชาชาติธุรกิจ) 

•    (+) กรมท่าอากาศยานคาดจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเที่ยวบินจากท่าอากาศยานทั้งหมด 25 แห่ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 404,773 คน จากเดิม 380,899 คน โดยเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 365,891 คน จากเดิม 347,423 คน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 38,882 คน จากเดิม 33,476 คน คิดจากจำนวนเที่ยวบิน 2,223 เที่ยว จากเดิม 2,227 เที่ยว(กรุงเทพธุรกิจ)

•    (+) MSCI นำ NVDR เข้ามาคำนวณใน MSCI EM Indexส่งผลให้มี Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้น โดย MTD พลิกกลับมาซื้อสุทธิ 3,384.5ลบ.

•    สัปดาห์นี้เรามองทิศทางของ SET Index แกว่งในกรอบ1,645-1,665จุด ก่อนเข้าวันหยุดยาวสงกรานต์ (ตลาดหลักทรัพย์จะปิดทำการ 15-16 เม.ย.นี้)อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรระมัดระวังปัจจัยลบจากความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสมชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดกรณีสัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้าน บวกกับนักลงทุนควรจับตางบการเงินช่วง 1Q62 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะเป็น Leading Indicator ของ Real Sector ดังนั้นเราจึงมองว่าหลังสงกรานต์ ดัชนีอาจเผชิญความผันผวนต่อ และเมื่อดัชนีย่อมองเป็นโอกาสแนะนำเข้าซื้อหุ้นใน 4 กลุ่มดังนี้

•    กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง: ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดและมีลักษณะคล้าย Fixed Income ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก แนะนำ BGRIM (บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 15-20%YoY หลังรับรู้รายได้โครงการ ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 กำลังการผลิตไฟรวม 399 MW เต็มปี บวกกับมีโครงการใหญ่ที่จะ COD ในปี 62 ทั้งโครงการ Solar DTE1&2 กำลังการผลิต 420 MW และโครงการ Phu Yen TTP อีก 257 MW ซึ่งบริษัทคาดเริ่ม COD ในช่วง 2H62) และSSP (ปี 62 ตั้งเป้า CODเพิ่มอีก 65.6MW จากโซลาฟาร์มมองโกเลีย 16MWและโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 49.6MW ส่งผลให้สิ้นปีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 157.1MW จากปี 61 ที่ 90.4MW)

•    กลุ่มท่องเที่ยว: อานิสงส์บวกจากการท่องเที่ยวในประเทศที่คึกคัก แนะนำ AOT (นอกจากช่วงสงกรานต์ที่แนวโน้มผู้โดยสารจะโต YoY แล้วในช่วง ม.ค.-ก.พ. 62 เผยจำนวนเที่ยวบินโต 5.59%YoY และจำนวนผู้โดยสารโต 3.47%YoY), CENTEL (ธุรกิจโรงแรมปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพัก 83-85% จากปี 61 ที่ 82.6% และเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักโต 4-6%YoY สำหรับธุรกิจอาหารในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิมโต 3-4%YoY และเป้ายอดขายโดยรวมโต 8-10%YoY จากการฃยายสาขาที่จะเพิ่มเป็น 1,050 สาขา จากสิ้นปี 61 ที่ 956 สาขา) และ ERW (ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 10-15%YoY หนุนด้วยแผนเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งให้ปีนี้ โดยแบ่งเป็นโรงแรม Hop Inn 7 แห่ง 573 ห้อง และโรงแรมขนาดกลาง 2 แห่งจำนวนห้องรวม 501 ห้อง อีกทั้งตั้งเป้า RevParไม่รวม Hop Inn โต         3-5%YoY และ Occupancy Rate ที่ 80% ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง)

•    กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์: กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่ จาก          ปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่), WHA (คาดได้แรงหนุนจากธุรกิจนิคมและโลจิสติกส์ที่เติบโตดี โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินใหม่ 1,600 ไร่ จากปีก่อนมียอดขาย 1,232 ไร่ หลังล่าสุดเปิดตัวนิคมแห่งใหม่พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีนเตรียมเซ็นสัญญาซื้อแล้วราว 285 ไร่ พร้อมปรับราคาขายและค่าเช่าที่ดินในเขต EEC ขึ้นอีก 10%) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM (ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7%YoY จากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%YoY ใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3%YoY)

•    กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic  รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)

 

    9-Apr-19    Change (pts.)    8-Apr-19

SET Index    1,657.74    11.56    1,646.18

SET50 Index    1,105.37    9.24    1,096.13

SET100 Index    2,434.16    20.24    2,413.92

 

High    1,660.31    Gainers      498 

Low    1,648.23    Unchanged    536

Value (Bt m)    44,262.72    Losers  628 

Volume (*000)    11,018,238          

 

Market Valuation

SET Data    2018F    2019F    Long Term

Fwd PER (x)    15.2    13.8    13.8

EPS Growth (%)    13.9    9.3    8.3

EV/EBITDA (x)    10.1    9.4    9.1

FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6

Dividend Yield (%)    3.2    3.5    3.8

ROE    11.5    11.7    11.6

 

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt    9-Apr-19    WTD    MTD    YTD

Institution    765.43    765.43    4,655.55    37,138.03

Proprietary    659.02    659.02    186.84    2,903.60

Foreign     3,204.16    3,204.16    3,384.48    (9,701.42)

Individual    (4,628.60)    (4,628.60)    (8,226.87)    (30,340.21)