WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Play
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยยังปิดลบอีกเล็กน้อย 4.84 จุดเนื่องจากยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนและยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนและ Brexit โดยนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 415 และ 681 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short ใน Index Futures 6.7 พันสัญญา)
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยเรงหนุนหลักยังมาจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนหลังล่าสุดทรัมป์กล่าวว่าคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 4 สัปดาห์นี้ ส่วนประเด็นที่ยังต้องติดตามต่อเนื่องคือการขอยืดเส้นตาย Brexit ออกไปจากวันที่ 12 เม.ย. เราคาดว่าการเคลื่อนไหวและมูลค่าการซื้อขายในระยะนี้จะค่อนข้างจำกัดเนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดของไทย ทำให้เรามองว่าหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไร 1Q19 โดดเด่นจะยังปลอดภัยและเคลื่อนไหวได้ดีแข็งแรงกว่าตลาด
          กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว //ส่วนที่สะสมไปแล้วยังเน้นถือต่อเนื่อง
          หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, EA, GLOBAL, KTC, STEC
 
หุ้นเด่นวันนี้: MTC
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท (PE 25x)
          - กำไร 1Q19 มีแนวโน้มทำนิวไฮจากการขยายสาขาและขยายพอร์ตต่อเนื่อง  
          - คาดกำไรทั้งปีที่ 4.6 พันลบ. +25% Y-Y จากสินเชื่อที่โต 30% และเปิดสาขาใหม่อีก 600 แห่งเป็น 3,900 แห่ง แม้ต้นทุนทางการเงินจะปรับขึ้นแต่กระทบจำกัด เพราะมี Long term funding ถึง 70%  
          - คุณภาพสินเชื่อดี NPL ต่ำเพียง 1.12% และ Coverage ratio สูงถึง  278%
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$266ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$234ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$13ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐซึ่งใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็น 80.6 ในเดือน มี.ค. ลดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ผู้บริโภคกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง กำลังซื้อที่ฟื้นช้า เศรษฐกิจโลกที่เสี่ยงจากสงครามการค้าและ Brexit แนวโน้มดัชนีเป็นขาลงจนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชัดเจน แต่หุ้นกลุ่มบริโภคส่วนใหญ่ เช่น CPALL, GLOBAL, HMPRO, M มี SSSG เป็นบวก ยกเว้น ROBINS) 
          (0) การเจรจารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินใกล้จบ กลุ่ม CP ยอมถอดข้อเสนอ 12 ข้อออก คาดร่างสัญญาเสร็จสิ้นหลังสงกรานต์ และเซ็นสัญญา พ.ค. นี้ ข่าวนี้ไม่น่ามีผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้นเพราะรับรู้ไปแล้ว หุ้นรับเหมาที่เราชอบยังเป็น CK (ราคาเป้าหมาย 32 บ.) STEC (เป้า 28.50 บ.) BEM (เป้า 11.70 บ.)
          (0) KTB AQ แจ้งว่าการขายที่ดินหลักประกัน 8.9 พันลบ.นั้น ผู้ซื้อชำระเงิน 4 พันลบ.แล้วเมื่อ 24 ม.ค. ส่วนที่เหลือ 4.65 พันลบ.จะชำระเมื่อคดีเสร็จสิ้น ซึ่งศาลฯได้ยกคำร้องว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกม.แล้ว กำไร KTB ที่เราคาด +18% Q-Q, +7% Y-Y ใน 1Q19 ดีสุดในกลุ่ม และทั้งปี +3.5% Y-Y ไม่รวมกำไรพิเศษ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท       
          (+) TK การรุกตลาดเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาวและกัมพูชาตั้งแต่ปี 2014 ทำให้ TK มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งมาก ปัจจุบันมี 6 สาขาในกัมพูชา และ 3 สาขาในสปป.ลาว ปีนี้จะเปิดเพิ่ม 6 แห่งที่กัมพูชา และ 3 แห่งที่สปป.ลาว พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในต่างประเทศ 100% ชดเชยยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศที่หดตัว เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 8% เป็น 463 ลบ. +13.6% Y-Y ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 9.50 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นถือ จากเดิมขาย
          (0) CPF โรคระบาดแอฟริกันหมูเริ่มลามไปในกัมพูชา มีหมูถูกทำลายราว 100 ตัว กำไรจากกัมพูชาคิดเป็น 6.4% ของกำไร CPF ปัจจุบันยังไม่ได้รับความเสียหายแต่ต้องติดตามเฝ้าระวัง ในเวียดนามมีโรคระบาดนี้เช่นกัน ราคาหมูเวียดนามเริ่มปรับลง อาจกระทบกำไรใน 2Q19 แต่กำไร 1Q19 ยังดี เราคงราคาเป้าหมาย 30 บาท คงคำแนะนำซื้อโดยคาดเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว กระทบจำกัด
 
          (+) ตลาดดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น จากความหวังเรื่อง Trade War และแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Boeing
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังยอดซื้อภาคโรงงานปรับตัวลงสวนทางกับที่ตลาดคาด
          (0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน โดยยังรอดูปัจจัยใหม่ๆเพิ่มเติม
          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง -0.36 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 62.10 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต็อคน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น บวกกับแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
          (-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง -1.00  ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1294.3 ดอลลาร์/ออนซ์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 762.55 ตัน /-1.74 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
          
5 เม.ย.    - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)
           - สิงคโปร์: GDP 1Q19 
10 เม.ย.   - ยูโรโซน: ECB ประชุม
           - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
11 เม.ย.   - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
12 เม.ย.   - ยูโรโซน: Industrial Production (ก.พ.)
           - จีน: ส่งออก นำเข้า ดุลการค้า (มี.ค.)
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 
 
 
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!