- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 April 2019 15:36
- Hits: 1378
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แรงงาน-เจรจาการค้าสดใสแต่อาจมีขายก่อนหยุดยาว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -4.84 จุด ปิดที่ 1644.22 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 34.5 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราแย่กว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ปัจจัยลบคือ ความไม่แน่นอนด้านการเมืองไทย เริ่มมีการเลือกตั้งใหม่บางเขต และการกล่าวโทษพรรคอนาคตใหม่ ส่วนต่างประเทศคือ ราคาน้ำมันปรับลงเล็กน้อย ตัวเลขเศรษฐกิจาการจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคบริการสหรัฐไม่สดใส ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 0.8 พันล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ 0.3 พันลบ. สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น สถาบัน 0.7 พันลบ.และต่างชาติ 0.4 พันล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิแล้ว 12.5 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET รีบาวด์แต่อาจะมีแรงขายเป็นระยะๆ ปัจจัยบวกคือ ดาวโจนส์ปรับขึ้นหลังการเจรจาการค้าคืบหน้า ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานลดต่ำสุดในรอบ 49 ปี บอนด์ยิลด์ 10 ปีปรับขึ้น ลดกังวล Inverted Yield Curve และดัชนีความกังวล (Vix) ปรับลง แต่อาจมีแรงขายป้องกันความเสี่ยงในช่วงหยุดยาวถึง 3 วัน
# ราคาน้ำมัน WIT ปรับลงเล็กน้อย แต่ Brent เพิ่ม ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่เป็นบวก ดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่ม ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร และการเมืองไทย ทั้งเรื่องพรรคอนาคตใหม่ การย้ายพรรค และการจัดเลือกตั้งใหม่บางเขต
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า 1640 จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 2Q62 คือ AMATA,BBL,ERW,KKP,STEC
# หุ้นแนะนำ: หุ้นรับหน้าร้อน: AOT,MINT,ERW,BJC,CPALL,HMPRO
หุ้นปันผล: AIMIRT,DIF,JASIF,HREIT,SCP,PTTGC,ANAN,ORI,QH,SENA
หุ้น Blue Chip : BBL, PTT, PTTEP,SCC
หุ้นเติบโตสูง: AEONTS,MTC,STEC,RJH,ASIAN,TKN
หุ้นฟื้นตัว: BCP,TOP,GPSC,NWR,PREB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบ”แต่ยังยืนเหนือ“SMA10วัน” (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (มีแรงหนุนของ“SMA10”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้แนวต้าน 1650 (หรือ 1655 – 1660) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1640” (แนวรับย่อย “1620 – 1610”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ STPI,INTUCH,RATCH,BPP,OSP,HMPRO หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,MEGA,ESSO,PTG,PTTGC, หุ้นที่หลุด
List BEC,CENTEL,COM7,ANAN,AUCT ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ VGI
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : PTTEP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 143.00)
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance ใช้สัปดาห์หน้า
Key Drivers TODAY
# ความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังร่างข้อตกลงการค้าซึ่งหากข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลสำเร็จแล้ว ก็จะนำไปสู่พิธีลงนามระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี ในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของทำเนียบขาวคาดว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะประกาศแผนการจัดประชุมสุดยอดร่วมกับปธน.สี จิ้นผิง ในระหว่างการพบปะกับนายหลิวในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศอาจใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว
+ สหรัฐ: ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำสุดในรอบ 49 ปี
# ข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค. โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2512 หรือในรอบ 49 ปี หลังจากที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับระดับ 244,000 รายในช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น ตอบรับตัวเลขแรงงาน และการเจรจาการค้ามีทิศทางดี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 166.50 จุด หรือ +0.64% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,879.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.99 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,891.78 จุด ลดลง 3.77 จุด หรือ -0.05%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐรวมทั้งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ขณะที่หุ้นเทสลาดิ่งลงกว่า 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการจัดส่งรถยนต์ที่ทรุดตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้
-/+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง แต่ Brent ปรับขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) และสถาบันปิโตรเลียอเมริกา (API) เปิดเผยรายงานที่สอดคล้องกันว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางทหารในลิเบียอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในประเทศ
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่1,294.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
• นักลงทุนติดตามผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส และเดลต้า แอร์ไลน์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า
# นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ไฮสปีดเทรน: รฟท.เผยผลเจรจากลุ่มซีพีวานนี้คืบหน้า 70-80% มั่นใจเซ็นสัญญาได้ในพ.ค.
# ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังตัวแทนจากกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด (ซีพี) และพันธมิตรเข้าร่วมเจรจากับคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ในวันนี้ว่า ผลการเจรจาได้คืบหน้า 70-80% หลังจากที่กลุ่มซีพียอมรับเงื่อนไขตามเอกสารเสนอโครงการ (RFP) จากก่อนหน้านี้ยื่นขอเปลี่ยนเงื่อนไข 12 ข้อใหญ่ เนื่องจากทางกลุ่มซีพีแจ้งว่าความเสี่ยงด้านการเงินของกลุ่มลดลง
- การเมืองไทย: หลากหลายปัจจัย ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น
# กกต.มีมติสั่งนับคะแนนใหม่ในจ.ขอนแก่น 2 หน่วย-ให้จัดเลือกตั้งใหม่ 6 หน่วยใน 5 จังหวัด
# นศ.รามฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องกกต.แสดงความรับผิดชอบ-สร้างบรรทัดฐาน หลังจัดเลือกตั้งเต็มไปด้วยปัญหาผิดปกติ
# "ธนาธร" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุหมายเรียกแค่หวังดิสเครดิตเชื่อไร้พื้นฐานกม.เอาผิด ยันไม่ข้องเกี่ยวขบวนการล้มเจ้า
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค: เดือน มี.ค.62 ลดลง และคาดว่าจะเป็นขาลงจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่สำเร็จ
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มี.ค.62 อยู่ที่ 80.6 จาก 82.0 ในเดือน ก.พ.62 โดยค่าดัชนีปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นขึ้นมากนัก ประกอบกับ เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและการที่อังกฤษจะออกจากสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (Brexit)
# ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมีแนวโน้มเป็นขาลงจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมีนโยบายในการบริหารประเทศอย่างชัดเจน เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกมากระตุ้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]