ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลง -4.84 จุด (-0.29%) ปิดที่ 1,644 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง 3.4 หมื่นล้านบาท จากความกังวลการเมืองภายในประเทศหลังกกต.มีมติให้นับคะแนนใหม่ 2 หน่วย และให้จัดเลือกตั้งใหม่ 6 หน่วยใน 5 จังหวัด ประกอบกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นในกลุ่ม Energy และ Petro หลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง สำหรับนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 415 ล้านบาท และ Net Short TFEX 6,659 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 782 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลางคาดดัชนีแกว่งตัว 1,640 – 1,655 จุด โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนโดยกำลังร่างข้อตกลงการค้าเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนเม.ย.นี้ซึ่งเป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามปัญหา Brexit ที่ยังมีความไม่แน่นอน  และภาวะการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่ชัดเจนโดยล่าสุดกกต.มีมติให้นับคะแนนใหม่ 2 หน่วยในจ.ขอนแก่น และจัดเลือกตั้งใหม่ 6 หน่วยใน 5 จังหวัดซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ควรระวังแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 3 วันจะกดดันให้ดัชนีผันผวนได้ง่าย  

•    กลุ่มพลังงาน (PTTEP ,TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เติบโตจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มโรงกลั่นค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นรวมถึง Stock gain

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ข่าวททท.เตรียมเสนอครม.ยกเว้นวีซ่านทท.ออกไปอีก 6 เดือนถึงเดือนต.ค.

•    กลุ่มที่คาดว่างบ 1Q19F จะเติบโตขึ้น BDMS, BCH, EA , BPP , BGRIM , SGP , GFPT , TU

หุ้นแนะนำวันนี้ : CK (ปิด 24.8 ซื้อ/เป้า 40) ผลเจรจาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินระหว่าง รฟท.และ กลุ่ม CP คืบหน้าแล้วกว่า 80% คาดเซ็นสัญญาได้ในเดือน พ.ค.ส่งผลบวกโดยตรงต่อ CK เนื่องจากเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้รับงานก่อสร้างเพราะถือหุ้นในกลุ่มพันธมิตรที่เข้าร่วมประมูล (CP holding +CK + BEM + China railway+ITD), TSR (ปิด 2.36 ซื้อ/เป้า 3) เป็นหุ้นงบดีที่ถูกลืม TSR มีกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 107 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40%yoy ปีนี้บริษัทตั้งเป้าโตต่อเนื่องอีก 20% หากทำได้จริงราคานี้ถือว่าไม่แพงเพราะคิดเป็น PE ratio ต่ำเพียง 10 เท่า อีกทั้งยังจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้นและให้ Dividend yield สูงถึง 6% ต่อปี

Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP

KSS report วันนี้ : TOP (ปิด 71.25 ซื้อ/เป้า 90)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+) ดาวโจนส์บวก 167 จุด ตลาดยังคาดหวังจีนกับสหรัฐจะยุติข้อพิพาทการค้าได้ในเร็วๆนี้ โดยเช้าวันนี้ลุ้นจีนกับสหรัฐประกาศวันลงนามข้อตกลงระหว่าง ทรัมป์ กับ สีจิ้นผิง : ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 167 จุด (+0.64%) ปิดที่ 26,385 จุด นักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวกว่าจีนกับสหรัฐจะสามารถยุติข้อพิพาทการค้าได้ในเร็วๆนี้ โดยล่าสุด นายหลิว เหอ รองนายกฯจีนซึ่งจะเข้าประชุมร่วมกับ โดนัล ทรัมป์ ในช่วงเช้าวันนี้ระบุว่า จีนกับสหรัฐ บรรลุ ฉันทามติครั้งใหม่เกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงด้านเศรษฐกิจและการค้าแล้ว จึงมีการคาดหมายว่ากระประชุมร่วมในวันนี้จะมีการประกาศวันลงนามยุติข้อพิพาทการค้าอย่างเป็นทางการระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สีจิ้นผิง

•    (-) กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ 2 หน่วย และเลือกตั้งใหม่ 6 หน่วย กระทบจิตวิทยาการลงทุนแต่กระทบฐานคะแนนเดิมไม่มากเพราะเป็นระดับหน่วยย่อย : กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ใน จ.ขอนแก่น 2 หน่วย และเลือกตั้งใหม่อีก 6 หน่วยใน 5 จังหวัด คือ ลำปาง 2 หน่วย, ยโสธร, เพชรบูรณ์, พิษณุโลก และ กรุงเทพฯ เนื่องจากคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่สามารถหาเหตุผลชี้แจงได้ว่าเหตุใดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและจำนวนบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าการนับคะแนนและการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าวจะไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อคะแนนของ ส.ส.เขต และ popular vote ของแต่ละพรรค เนื่องจากเป็นการจัดเลือกตั้งในหน่วยย่อยของแต่ละเขต (ระดับหมู่บ้าน) เราเชื่อว่าตลาดน่าจะให้ความสนใจในสัปดาห์หน้ามากกว่าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ กกต.น่าจะประกาศให้ใบเหลือง ใบแดง และประกาศเลือกตั้งซ่อม

•    (-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 80.6 ลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน กังวลการเมืองหลังเลือกตั้ง และเศรษฐกิจชะลอตัว : ม.หอการค้าฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 80.6 ลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง รวมถึงกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหลังจากแบงก์ชาติปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เป็นขายตัว 3.8% จากเดิม 4% รวมไปถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก Trade war และ Brexit ที่ยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นที่ลดลงส่งผลลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มค้าปลีกเนื่องจากนักลงทุนจะไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย

•    (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม – วันนี้ สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือน มี.ค., สัปดาห์ หน้า ติดตาม กกต.ประกาศใบเหลือง ใบแดง, 9 เม.ย. ประชุมครม.คาดอนุมัติขยายเวลามาตรการฟรีวีซ่า (VOA) จาก 30 เม.ย.ไปจนถึง 31 ก.ค., 10 เม.ย. ECB Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0% ตามเดิม, EU meeting เพื่ออนุมัติเลื่อน/ไม่เลื่อน Brexit, 11 เม.ย. Fed minute และ 12 เม.ย. Brexit ตามกำหนดการเดิม (ขึ้นอยู่กับการประชุมของ EU ในวันที่ 10 เม.ย.)