WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
ฝ่าด่าน แนวต้านจิตวิทยา...(2)
          เมื่อวานหุ้นกดดันดัชนีฯได้แก่ กลุ่มที่ราคาหุ้นลอยอยู่ข้างบน เช่น GULF BEM BTS KTC เริ่มโดนเร่งขายล็อกกำไร ส่วน SCC XD 9.5 บ. SCCC XD 4 บ. ราคาหุ้นลงมากกว่าปันผล ขณะที่หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคายังกองอยู่ข้างล่าง ปรับขึ้น เช่น TOP PTTGC PTTEP ESSO.ตามที่เราออกรายงานแนะนำ ทั้งในรายงาน "รอบด้าน" "Weekly tactical" ก่อนหน้านี้ และย้ำในรายงาน "Tactical view" เมื่อวาน   
          วันนี้ ดัชนีฯหุ้นไทย จะต้องมาลุ้น ฝาด่านแนวต้าน จิตวิทยาสำคัญ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และ Down trend line บริเวณ 1,655 จุด กันอีกครั้ง โดยต้องอาศัยแรงส่งจากกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น และเสริมด้วยธนาคาร แต่ถ้า 1-2 วันนี้ยังไม่ผ่าน คาดว่าดัชนีฯจะพักตัวลงอีกครั้ง และหุ้น กลาง-เล็ก ที่มีการเก็งกำไรสูง, หุ้น Laggard จะสลับวิ่งขึ้นแทน     
          คาดภาพตลาดในเดือน เมย. ดัชนีฯหุ้นไทย จะยังคงมีโอกาส แรลรี่ รับสถิติหลังเลือกตั้ง ภายใน เดือน เมย. มอง Upside กลับขึ้นไปแถว 1,680 จุด โดยประเมินกรอบแนวรับสำคัญ 1,615 จุด (ถ้าหลุดให้หยุดซื้อ)  ส่วนภาพย่อยใน สัปดาห์แรกของเดือน เมย. คาดดัชนีฯหุ้นไทย จะแกว่งตัว รอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ Preview งบ 1Q19 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งเราคาด เห็นกำไรฟนตัวจาก 4Q18 จะช่วยประคองดัชนีฯ         
 
What to watch: 
          (*) การดำเนินการเจรจา ของสภาอังกฤษ ต่อแนวทางออกจาก EU หรือ BREXIT เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ ยังคงดำเนินต่อไป โดยเหลือเวลาเพียง 9 วัน ก่อนจะถึง เส้นตาย 12 เมย. นี้ / เราคงคาดว่าผลกระทบ กรณีอังกฤษ ออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจำกัด ขณะที่ MS มองผลกระทบต่อ GDP อังกฤษ ให้ขยายตัวราว 1% ในปีนี้     
          (-/0) กลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟาพลังงานหมุนเวียน ดำเนินการร้องเรียน แผน PDP 2018-37 ด้วยเห็นว่าสัดส่วนพลังงานไฟฟาจาก พลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนที่น้อยเกินไป / ระยะสั้นอาจมีผลต่อการปรับลงของ ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟาที่ขึ้นแรงก่อนหน้านี้   
 
หุ้นแนะนำ 
          TOP แนวรับ 71.25 ต้าน 73 stop loss 70.5 
          ESSO แนวรับ 11.2 ต้าน 12/12.4 Stop loss 11      
 
รายงานวันนี้  
 
Tactical Strategy: Managements guidance - near final cut 
          จากการอ่าน "Message" ผู้บริหารรอบนี้ (ผ่านการรีวิวงบ 2018 และ เปาหมาย รายได้ปี 2019) เรารับรู้ได้ถึงปัจจัยพื้นฐานหุ้นหลายตัว ที่ผ่านจุดต่ำสุด และ สะท้อนผ่านราคาหุ้นที่ลดลงใน 4Q18 ขณะที่ราคาหุ้นหลายกลุ่มเริ่ม "ปรับขึ้น" สะท้อนงบที่ผ่านจุดต่ำสุดและกลับมาเติบโตเริ่มตั้งแต่ 1Q19 นี้เป็นต้นไปแล้ว เช่น สินเชื่อบุคคล สินค้าอุปโภคบริโภค โฆษณานอกบ้าน และเราพบว่าเหลือเพียงหุ้น กลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ ธนาคาร ที่ตลาดดูจะยังไม่เชื่อในผลการดำเนินงานที่ฟนตัว ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อน มุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน ที่เรารับรู้ได้จาก การอ่านมุมมองอุตสาหกรรม ผ่าน Managements guidance รอบนี้
          หุ้นแนะนำ PTTEP PTTGC TOP ESSO BBL KBANK
 
TU: Margin recovery on stream
          แม้ว่าราคาทูน่าจะมีการปรับตัวขึ้นมาจากอุปทานที่ลดลงเนื่องจากภาวะ El Ni-o และคาดจะลากยาวไปถึง 2Q-3Q19 เนื่องจากเป็นฤดูกาลงดใช้ FAD ในการจับปลา แต่คาดราคาจะยังยืนในกรอบ $1,400-1,800/ตัน ซึ่งยังเป็นกรอบที่บริษัทยังสามารถเจรจาปรับราคาขายกับลูกค้าได้ สำหรับการใช้มาตรฐานทางบัญชี TFRS16 จะส่งผลกระทบในด้านของ 1) งบดุลมีภาระมากขึ้น และ 2) กำไรสุทธิปรับตัวลดลง แต่ EBITDA เพิ่มขึ้น (แต่ไม่มีนัยยะสำคัญ) และผลกระทบของ TFRS9 คือจะช่วยให้ GM เสถียรมากขึ้นและลดความผันผวนจากการบันทึกกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เราประเมินกำไรสุทธิ 1Q19 ที่ 900 ล้านบาทเติบโต 4% YoY แต่ลดลง 16% QoQ และกำไรหลักคาดเติบโต 573% YoY แต่ลดลง 27% QoQ หนุนโดยการฟนตัวของอัตรากำไรธุรกิจทูน่าและกุ้ง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 22.50 บาท    
 
Model Portfolio (โดยคุณปรเมศร์): Add PTTEP, BCH 
          เพิ่ม:PTTEP มองว่าราคาน้ำมันอยู่ในเทรนด์ที่ดี และมีอัพไซด์ในการปรับขึ้น และ BCH โมเมนตัมกำไร 1Q-3Q19 เติบโตแข็งแกร่งราว 15-24% YoY และการปรับขึ้นของ PER ในช่วง Highs eason 
          ถอด: ROBINS และ AOT  
 
GPSC: Massive earnings growth does not always mean a bull signal 
          แม้ว่า GPSC จะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดจากการซื้อ GLOW คาดจะต้องมีการปรับกำไรขึ้นถึง 78% เป็น 7.5 พันล้านบาท ในปี 2019 และ 1.04 หมื่นล้านบาท ในปี 2020 แต่เราคาดว่าบริษัทจะต้องเพิ่มทุน โดยเราใช้สมมุติฐานราคาเพิ่มทุนที่ 60 บาท (เพิ่มจำนวนหุ้นขึ้น 74%) ซึ่งจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ดังนั้นเราคงแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 65 บาท 
 
Food: อียูจัดสรรโควต้าไก่ปรุงสุกให้ไทยอีก 5,460 ตันต่อปี
          นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกระเบียบลงวันที่ 8 มี.ค. 2019เพื่อปรับตารางกำหนดปริมาณโควตาสินค้าเนื้อไก่และสัตว์ปีกซึ่งมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ 1 เม.ย. 2019 เป็นต้นไปโดยเราประเมินว่าการที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรโควต้าไก่ปรุงสุกข้างต้นเพิ่มอีก 5,460 ตันต่อปีถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ประกอบการไก่ส่งออกของไทย ซึ่งคิดเป็นเพิ่มขึ้นอีก 3% ของโควต้าไก่ปรุงสุกที่ ประเทศไทยได้รับจากอียู ณ ปัจจุบันที่ 174,000 ตันต่อปี ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกทั้งไก่สดแช่แข็งและไก่ปรุงสุกไปยังอียูเต็มโควต้าแล้ว ข่าวนี้จึงถือว่าเป็นข่าวบวกเล็กๆ ต่อ CPF(ซื้อ) และ GFPT และ TFG (ซื้อเก็งกำไร) 
 
หุ้นมีข่าว/ประเด็นข่าวที่มีผลต่อตลาด
          (+)What's new? นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกระเบียบลงวันที่ 8 มี.ค.2562 เพื่อปรับตารางกำหนดปริมาณโควตาสินค้าเนื้อไก่และสัตว์ปีก ซึ่งอียูจัดสรรให้กับประเทศบราซิล ประเทศไทย และประเทศที่สามอื่นๆ โดยระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากวันที่ 1 เม.ย.2562 เป็นต้นไป 
 
Key highlights:
          การปรับตารางภาคผนวกข้างต้น ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถใช้สิทธิ์ภายใต้การจัดสรรปริมาณโควตารวมเพิ่มเติมในสินค้าเนื้อไก่และสัตว์ปีกจำนวน 4 รายการ ได้แก่ 
          1.สินค้าเนื้อไก่ปรุงแต่ง หรือทำไว้ไม่ให้เสีย และไม่ปรุงสุก (พิกัดฯ 1602.32.11) ปริมาณโควตาที่ได้รับจัดสรร 340 ตันต่อปี ภาษีในโควตา 630 ยูโรต่อตัน 
          2.สินค้าสัตว์ปีกปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย ซึ่งมีสัดส่วนเนื้อหรือเครื่องในตั้งแต่ 57% ของน้ำหนักขึ้นไป และปรุงสุก (พิกัดฯ 1602.39.29) ปริมาณโควตาที่ได้รับจัดสรร 60 ตันต่อปี ภาษีในโควตา 10.9% 
          3.สินค้าสัตว์ปีกปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย ซึ่งมีสัดส่วนเนื้อหรือเครื่องในตั้งแต่ 25% จนถึงต่ำกว่า 57% ของน้ำหนัก (พิกัดฯ 1602.39.85) ปริมาณโควตาที่ได้รับจัดสรร 60 ตันต่อปี ภาษีในโควตา 10.9% และ 
          4.สินค้าเนื้อไก่ปรุงแต่ง หรือทำไว้ไม่ให้เสีย และปรุงสุก (พิกัดฯ 1602.32.19) ปริมาณโควตาที่ได้รับจัดสรร 5,000 ตันต่อปี ภาษีในโควตา 8% 
          Action: ประเทศไทยได้รับโควต้าไก่หมักเกลือจากอียูคิดเป็น 92,000 ตันต่อปี (เสียภาษีในโควต้า 15.4%) ถ้าเกินโควต้าเสียภาษี 1300 ยูโรต่อตัน และโควต้าไก่ปรุงสุกจากอียูคิดเป็น 174,000 ตันต่อปี (เสียภาษีในโควต้า 8.5%) ถ้าเกินโควต้าเสียภาษี 1,200 ยูโรต่อตัน เราประเมินว่าการที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรโควต้าไก่ปรุงสุกข้างต้นเพิ่มอีก 5,460 ตันต่อปีถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ประกอบการไก่ส่งออกของไทย ซึ่งคิดเป็นเพิ่มขึ้นอีก 3% ของโควต้าไก่ปรุงสุกที่ ประเทศไทยได้รับจากอียู ณ ปัจจุบันที่ 174,000 ตันต่อปี ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกทั้งไก่สดแช่แข็งและไก่ปรุงสุกไปยังอียูเต็มโควต้าแล้ว ข่าวนี้จึงถือว่าเป็นข่าวบวกเล็กๆ ต่อ CPF (ซื้อ) และ GFPT และ TFG (ซื้อเก็งกำไร)
          (-) NOK ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่จับตาพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของสายการบินทุกสายการบินที่ประจำการอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ขณะนี้สั่งจับตาสายการบินนกแอร์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 20% รองจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่มีส่วนแบ่งอยู่กว่า 30% ล่าสุดพบว่าเริ่มมีการยื่นขอยกเลิกเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว นอกจากนี้มีข้อมูลว่าสายการบินนกแอร์ทยอยปลดนักบินบางส่วน (ที่มา ข่าวสด) 
          (0) IRPC  ทบทวนโครงการMARSใหม่ คาดได้ข้อสรุปชัดเจนไตรมาส2 นี้ หลังเจอผลกระทบข้อพิพาทที่ดินส่งผลให้โครงการต้องดีเลย์ออกไป บวกกับ ราคาปิโตรฯ ยังผันผวน (ที่มา กรุงเทพธรุรกิจ)        
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
 
Trend Forecasting 
 
SET Index ปิด 1649.06 (-0.15%) มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท  
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,645 แนวต้าน 1,660 / SET100 รับ 2,415 ต้าน 2,435 BSET100 รับ 10.57 ต้าน 10.65 / BMSCITH รับ 12.43 ต้าน 12.55 
 
Topic: "Risk & Reward  in equity markets" 
 
กลยุทธ์เทคนิค:
          ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ปัจจุบันเราก้าวเข้าสู่เดือนที่ 4 ของปี 2019 พบว่าผลตอบตลาดหุ้นโลก 3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ดัชนี S&P500 +9% ตลาดหุ้นเยอรมัน +9% จีนร้อนแรงที่สุดในเอเชีย +25% ขณะที่โครงสร้างตลาดหุ้นส่วนใหญ่ฟนตัวกลับจากฐานต่ำ คาดว่าตลาดหุ้นปีนี้เม็ดเงินมีโอกาสไหลกลับเข้ามาได้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นไม่ได้มากนัก ความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นส่วนที่ทำให้กระแสเงินลงทุนชะลอตัว หากมีความชัดเจนมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นกระแสเงินไหลเข้า 
 
มุมมองตลาด:
          ดัชนีพักตัวแต่ยังคงรูปแบบขาขึ้น เรายังคงมีมุมมองตลาดเดือนเม.ย.จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1700 จุด ดังนั้นการปรับฐานของดัชนีจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นมองแนวรับ 1640-1645 จุด 
 
วิธีการเลือกหุ้น:
          ในภาวะตลาดเป็นขาขึ้นเราแนะนำการวิธีเลือกหุ้น 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟนตัว 4.ใช้สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD และเส้นค่าเฉลี่ย 5. ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด
 
          Bull signal: GGC, KCE, TRUE 
          Bear signal: Utility sector  (Closed below 5-days EMA & RSI >70) 
          Portfolio: PTTEP, AMATA, BDMS, OSP, CPALL, CENTEL, SAPPE, COM7 ,AH   
 
          ธนรัตน์ อิศรกุลธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค 
          [email protected] +662-618-1334
 
Track with Technical 
 
          GGC 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 11.00  
          ต้าน 13.00 
          เหตุผล ราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง ยืนยันการเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หนุนด้วยสัญญาณกลับตัว Bull MACD 
 
          KCE 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 26.00 
          ต้าน 32.00 
          เหตุผล โครงสร้างรายสัปดาห์บ่งชี้จุดกลับตัว Bullish divergence หนุนด้วย MACD cross signal line 
 
          TRUE 
          แนะนำ ซื้อ 
          รับ 4.90 
          ต้าน 5.30 
          เหตุผล ปิดทะลุเส้นค่าเฉลี่ย "Golden cross" พร้อมกับโครงสร้างความแข็งแกร่งจากค่า RSI หนุนสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!