- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 April 2019 00:05
- Hits: 3252
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Energy and Selective Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ได้ตามคาดโดยปิดบวกได้อีก 6.84 จุดจากบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมที่ยังค่อนข้างผ่อนคลาย โดยสถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1 พันลบ. เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่พลิกมาซื้อสุทธิ 1.2 พันลบ. (และ Long ใน Index Futures กว่า 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยกลุ่มพลังงานคาดว่ายังนำตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยตลาดยังคาดหวังพัฒนาการเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่จะมีต่อในวันพุธนี้ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ Brexit ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงรอผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากกกต. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าจากการเพิ่มน้ำหนักในการคำนวณดัชนี MSCI EM
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว //ส่วนที่สะสมไปแล้วยังเน้นถือต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, EA, GLOBAL, KTC, STEC
หุ้นเด่นวันนี้: MTC
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท (PE 25x)
- คาดกำไรปี 2019 ที่ 4.6 พันลบ. +25% Y-Y จากสินเชื่อที่โต 30% และเปิดสาขาใหม่อีก 600 แห่ง เป็น 3,900 แห่ง แม้ต้นทุนทางการเงินจะปรับขึ้นบ้างแต่กระทบจำกัด เพราะมี Long term funding ถึง 70%
- คุณภาพสินเชื่อดี NPL ต่ำเพียง 1.12% และ Coverage ratio สูงถึง 278%
- ราคาหุ้นเบรกต้าน 46.50 วานนี้ ส่งสัญญาณซื้อรอบใหม่
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$604ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$296ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$39ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจเบาบางลงเพราะไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ อาทิ ความคืบหน้าทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญรวมถึงผู้แทนสหรัฐที่ระบุว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนมีความคืบหน้าที่ดี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กำไรปกติของกลุ่มแบงก์ไม่แย่นัก แม้สินเชื่อ 1Q19 จะทรงๆถึงชะลอเล็กน้อย แต่คาดกำไรสุทธิทำได้ 5.15 หมื่นลบ. +24% Q-Q จากการลดลงของรายจ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยและสำรองฯ แต่ -1% Y-Y เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง โดย KTB คาดมีกำไรโตดีสุด คาด +18% Q-Q, +7% Y-Y ยังไม่รวมกำไรขายที่ดิน และ KBANK คาด +56% Q-Q, +2% Y-Y ทั้งนี้ ยังไม่รวมผลทางบัญชีเรื่องผลประโยชน์พนักงานที่อาจกระทบกำไรกลุ่มราว 8% หรือ 3-4 พันลบ. อาจมี SCB, BAY, TMB, KBANK และ TISCO ที่บันทึกในไตรมาสนี้ เรายัง Overweight กลุ่มแบงก์บนสมมติฐานการลงทุนและสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นใน 2H19 หลังจัดตั้งรัฐบาล หุ้นเด่นคือ KBANK (ราคาเป้าหมาย 212 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 245 บาท)
(+) SSP เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่อยู่ใน growth stage จากกำลังผลิตที่จะเพิ่มอีก 156% จากปัจจุบัน 90 MW เป็น 230 MW ในปี 2020 (โซลาร์ทั้งหมด) หรือเพิ่มเฉลี่ย 27% ต่อปี (ปีนี้มีเพิ่ม 66MW ใน 2Q19) ซึ่งจะทำให้กำไร 3 ปีข้างหน้า (2019-21) โตเฉลี่ย 24% ต่อปี และมีลุ้นได้งานโรงไฟฟ้าพลังลมในเอเชีย 20-50 MW รู้ผล 2Q19-3Q19 นี้ เราคาดกำไรปีนี้ 610 ลบ. (+23% Y-Y) ปัจจุบันมี PE 12x หรือ PEG ถูกเพียง 0.5 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
(0) กกพ.เจรจากับ RATCH ก่อสร้างโรงไฟฟ้าในที่เดิม ทั้งนี้ ตามแผน PDP2018 จะสร้างโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตก 2 โรง รวม 1,400 MW COD ปี 2024-2025 ถ้า RATCH, EGCO, GULF ประมูลได้ทั้ง 1,400 MW จะเพิ่มกำลังผลิตให้ RATCH 20%, เพิ่มให้ GULF 21% และ EGCO 29% ขณะที่ราคาหุ้นทั้ง 3 ตัวปรับขึ้นมาถึง 18-20% ตั้งแต่ปลาย ม.ค. ที่ประกาศแผน PDP 2018 แนะนำระมัดระวังในการเก็งกำไร
(-) มูดี้ส์เตือนเศรษฐกิจโลกถดถอยหากสหรัฐ-จีนไม่บรรลุขอตกลงใน 3 เดือน ขณะที่ WTO ปรับคาดการณ์การค้าโลกปีนี้เหลือโตเพียง 2.6% (เดิมคาด 3.7%) และต่ำกว่าปีก่อนที่ 3.0% ส่วน PMI ภาคการผลิตยูโรโซนเดือน มี.ค. หดตัวแรงลงมากสุดในรอบเกือบ 6 ปี และยังต่ำกว่า 50 โดยอยู่ที่ 47.5 กดดันเงินยูโรร่วง
(-) ตลาดดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังประธาน IMF ออกมาเตือนถึงสภาพเศรษฐกิจในอนาคตที่อาจชะลอตัวลงกว่าคาด
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังความกังวลเรื่อง Brexit และ Inverted Yield Curve ลดลง
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงน้อยกว่าคาด รวมถึงการเจรจาเรื่อง Trade War
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น +0.99 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 62.58 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก Supply ที่คาดว่าลดลง
(+) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น +1.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1295.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 เม.ย. - จีน: Caixin Composite PMI (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: ADP Employment (มี.ค.)
4 เม.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
5 เม.ย. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)
10 เม.ย. - ยูโรโซน: ECB ประชุม
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research