เมื่อวานที่ผ่านมา SET มีแรงซื้อต่อเนื่อง นำโดย กลุ่มธนาคารและการเงินอย่าง KBANK, SCB, MTC, SAWAD และกลุ่มโรงไฟฟ้า EGCO, GPSC, RATCH  สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,651.4 จุด ( +6.8จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  4.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.4 หมื่นล้านบาท)

 

นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยที่ 1,241 ลบ. (สถาบันซื้อสุทธิ 1,039 ลบ.) เปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 10,359 สัญญา

 

 

SET เผชิญแนวต้านหลัก คาดในระยะสั้นพักฐาน : SET ปรับตัวขึ้นกว่า 34 จุดใน 7 วันทำการที่ผ่านมา ผ่อนคลายปัจจัยการเมืองจนไปถึงวันที่ 9 พ.ค. ล่าสุดปรับตัวทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณเส้น 200 วัน ที่ 1655 จุด โดยบริเวณดังกล่าวยังสะท้อนค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 9 ปี อิง EPS19 ที่บริเวณ 110x เบื้องต้นเราคาดเข้าสู่ช่วงพักฐาน รอดู 1) ความชัดเจนของผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางกลุ่ม Global play อย่างกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี 2) Preview ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร  3) หุ้นมากว่า 80 บริษัททยอยขึ้นเครื่องหมาย XD นำโดย SCC, KBANK, SCB, BBL และอื่นๆ ในขณะที่จับตา ธปท.เดินหน้าตรวจสอบอุตสาหกรรมปล่อยสินเชื่อรถยนต์  โดยหนี้ครัวเรือนณ.สิ้นปีที่ผ่านมา สูงกว่า 78.6% (กว่า 50% เกิดจากบ้านและรถยนต์) โดยเฉพาะจากสินเชื่อรถยนต์ ในขณะที่เริ่มพบสินเชื่อเงินทอน (ทำสัญญาเงินกู้กับธนาคารเป็นราคาสูงกว่าราคาซื้อจริง) เรายังไม่สามารถประเมินผลกระทบว่าธปท.จะคลุมในลักษณะใด แต่เบื้องต้นอาจใช้เวลาเนื่องจากจะมีหลายขั้นตอน เช่น Data research, ออกมาตรการ, Public hearing และประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจใช้ระยะเวลา 6-9 เดือน  

Investment Theme : ประเมิน SET เดือนเม.ย. แกว่งตัวผันผวนในกรอบขาขึ้น  ที่บริเวณ 1,630 - 1,680 จุด คงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมแนะซื้อ 2 หุ้น Global play อย่าง PTTEP, BCP และถือ BEM, CPALL

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา : สภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปีนี้เหลือ โตต่ำกว่า 5.0%

 

แนะเก็งกำไร STEC ราคาเป้าหมาย 29.0 บาท บนค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 10 ปี 0.5 S.D. โดยคาดกำไร 1Q19 ที่ 370 บาท (+57%YoY) จากการรับรู้รายได้รถไฟฟ้าชมพู, เหลือง, ส้มอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ตั้งเป้ารับงานใหม่ 3.5 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ปัจจุบันที่ 1.05 แสนล้านบาท

2Q19 แนะทยอยสะสม 2 Themes ได้แก่ 1) กลุ่มที่คาดได้รับผลกระทบจำกัดจากขั้วการเมือง นำโดย กลุ่มค้าปลีก BJC ราคาเป้าหมาย 65.0 าท และกลุ่มท่องเที่ยว SPA ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท และกลุ่มที่คาด Downside จำกัด, Margin ฟื้นตัว ในขณะที่ Valuation น่าสนใจ นำโดย BCP ราคาเป้าหมาย 39.0 บาท และ BCH 20.0 บาท 

 

ระยะสั้นหากไม่ผ่าน 1656 อาจขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ:  ดัชนีเปิดโดดขึ้นและแกว่ง Sideway ออกข้างตลอดทั้งวัน ระหว่างวันปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1656 (EMA200Day) แต่ยังคงไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ ระยะสั้นมองว่าหาก Rebound ทดสอบแนวต้าน 1656 เป็นโอกาสขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ และอาจรอซื้ออีกทีเมื่ออ่อนตัวทดสอบแนวรับย่อย 1640-1645 หรือ Follow เมื่อผ่านแนวต้าน 1656 ซึ่งหากผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ มองแนวต้านถัดไปที่ 1675

กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นต่อ จังหวะ Rebound ระหว่างวันขึ้นพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1656 หากไม่ผ่านเป็นโอกาสขายหุ้นเพื่อเล่นรอบ แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ หรือหากผ่านได้เน้น Let Profit Run  2) ไม่มีหุ้น: ทยอยซื้อหุ้นเมื่อดัชนีอ่อนตัวสู่แนวรับ 1640-1645 เพื่อ Trading ไปที่แนวต้าน 1656, 1675

แนวรับ : 1630, 1640 แนวต้าน : 1656, 1675

 

ปัจจัยต่างประเทศ :   -

ปัจจัยในประเทศ :   กกต.เตรียมเปิดเผยสูตรการคำนวณส.ส. partylist

หุ้นเทคนิค :  

SAPPE (18.70-19.00, Tp 19.90//20.50, Cut 18.50

SGP (9.20-9.30, Tp 11.20//11.50, Cut 9.10)

 

FOOD

ผู้ส่งออกเนื้อไก่-สัตว์ปีกยิ้มร่า อียูเพิ่มจัดสรรโควต้า 4 สินค้า (มติชนกรุงเทพธุรกิจ)

ความเห็น : ปัจจุบันไทยมีการส่งออกไก่ปรุงสุกเต็มโควตาแล้วที่ 1.6 แสนตัน/ปี การได้โควตาเพิ่มเติมเป็นข่าวบวก แม้โควตาจะไม่มากนัก (โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไป EU อยู่แล้ว ได้โควตาเพิ่ม 5,000 ตัน/ปี) แต่เป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มส่งออกไก่ โดย CPF และ GFPT มีโอกาสส่งออกเพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ โดย CPF และ GFPT มีการส่งออกไก่ไป EU ประมาณ 1-2% และ 8% ของยอดขายรวม ตามลำดับ แนะนำ ซื้อ CPF เป้าหมาย 31.50 บาท / GFPT แนะนำ T- Buy เป้าหมาย 14.60 บาท   14.60 บาท   

 

HMPRO

ทุ่ม 330 ล้าน พลิกโฉมสาขาแฟชั่นฯ (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : เป็นไปตามแผนปรับปรุงสาขา และยังมีเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ คือ โฮมโปร 1-2 สาขา     โฮมโปรเอส 3-4 สาขา และเมกาโฮม 2 สาขาในปีนี้ ช่วยผลักดันยอดขาย ขณะที่อัตรากำไรยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะนำ Trading Buy เป้าหมาย 17.20 บาท

 

รับเหมา

ขาใหญ่รับเหมา รอฟาด 1.8 ล้านล. (ฐานเศรษฐกิจ)

ความเห็น : โครงการเมกะโปรเจ็กต์ หลายโครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนประมูล โดยเฉพาะโครงการ EEC 5 โครงการ มูลค่า 6.7 แสนล้านบาท  ทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง 3 หมื่นล้านบาท  และรถไฟไทย-จีน  แต่ก็ค่อนข้างอยู่ในช่วงหัวเรี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนรัฐบาล  เราให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่าตลาด แนะนำเก็งกำไรช่วงอ่อนตัวใน STEC (เป้าหมาย 29 บาท) และ NWR (เป้าหมาย 1.30 บาท)

 

NWR

ลุ้นผลงานนิวไฮ บุ๊กสายสีชมพู-เหลือง (ทันหุ้น)

ความเห็น : งานในมือสูง 1.5 หมื่นล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะได้งานใหม่ 1.8 หมื่นล้านบาท  รวมเป็นงานที่สูงถึง 3.3 หมื่นล้านบาท เราประเมินรายได้ 12,050 ล้านบาท โต 21% และ มีกำไรปกติเท่ากับ 170 ล้านบาท โต 57%YoY (ส่วนกำไรสุทธิลดลง 59% จากปีก่อนมีรายการพิเศษ)  เราคำแนะนำ TRADING BUY ประเมินราคาเป้าหมาย 1.30 บาท