- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 April 2019 13:31
- Hits: 2361
บล.เออีซี : Daily Focus
Market Outlook
วันนี้คาดดัชนี SET ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดหลังได้ Sentiment บวกต่างประเทศจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในประเทศยังต้องติดตามประเด็นการเมืองถึงรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ประเมิน SETเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,645 จุด
Market Factors
(+) เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้าหลังจีนได้ยื่นข้อเสนอในเรื่องของการถ่ายโอนเทคโนโลยีซึ่งไม่เคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้มาก่อน
(+) ตัวเลข ศก. ทั้งสหรัฐฯ-จีน เริ่มฟื้นตัว โดยสหรัฐฯ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดขายบ้านใหม่และดัชนีรายจ่ายส่วนบุคคลปรับตัวดีขึ้น ส่วนจีนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อปรับเพิ่มสูงขึ้น
(Watch) ธปท. เผย แม้ช่วงไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่การส่งออกน่าจะติดลบ หลังจาก 2 เดือนแรกหดตัวกว่า -3.2% โดยคาดจะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี ประเมินส่งออกทั้งปีเติบโตราว 3% พร้อมจับตาการจัดตั้งรัฐบาลหากเป็นไปตามกรอบเวลาภายในเดือน มิ.ย. มองเป็นผลบวกต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน (ประชาชาติธุรกิจ)
(+) สทท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยว 1Q/62 อยู่ในระดับ98 ใกล้เคียงระดับปกติ สะท้อนสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ค่อนข้างทรงตัว ผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงอัตราเงินเฟ้อและสถานการณ์ฝุ่นละอองที่ยังคงรุนแรงในบางพื้นที่ คาดจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2Q/62 พร้อมประเมินตัวเลข นทท.ต่าชาติปีนี้ที่ 40.64 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.17% สร้างรายได้กว่า 2.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.36% YoY (ประชาชาติธุรกิจ)
(Watch) เริ่มบังคับใช้มาตรการ LTV เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่วันนี้
(watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนลท.ต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วนเดือน มี.ค.ขายสุทธิ 16,397.37 ลบ.
Investment Strategy
สัปดาห์นี้เรามองทิศทางของ SET Index ผันผวน ในช่วงที่นักลงทุนรอจับตาความชัดเจนของรัฐบาลผสม สัดส่วนจำนวน ส.ส. ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพทางการเมือง ขณะที่ภาพ ศก. ไทยคาดยังมีความเสี่ยงจากภาคการส่งออกที่ชะลอลงต่อเนื่องตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เบาบางลง ดังนั้นเราจึงมอง SET Index มีความผันผวนสูง โดยดัชนีมีแนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์หากดัชนีย่อเรามองเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นใน 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์: กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่น แนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่ และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่ จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่), WHA (คาดได้แรงหนุนจากธุรกิจนิคมและโลจิสติกส์ที่เติบโตดี โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินใหม่ 1,600 ไร่ จากปีก่อนมียอดขาย 1,232 ไร่ หลังล่าสุดเปิดตัวนิคมแห่งใหม่พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีนเตรียมเซ็นสัญญาซื้อแล้วราว 285 ไร่ พร้อมปรับราคาขายและค่าเช่าที่ดินในเขต EEC ขึ้นอีก 10%) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM (ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7%YoY จากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64 จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%YoY ใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3%YoY) และ WICE (ปี 62 คาดกำไรเติบโต 30%YoY หนุนด้วยเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25%YoY จากการรุกธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน Cross-Border Services โดยมีเส้นทางหลักคือจีน-South East Asiaบวกกับ แผนขยาย Network ไปยังตลาดโลจิสติกส์ที่ประเทศจีน)
Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62 เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVDปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoY แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoY จากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
SET100 Top Overvalued Gainer/ Undervalued Loser
หุ้น SET100 ที่เป็น Top Gainer แต่ราคาหุ้น Overvalued เทียบกับ Bloomberg Median Consensus : CBG (+76.4%YTD, Downside 5.7%), DTAC (+22.5%YTD, Downside 6.5%)
หุ้น SET100 ที่เป็น Top Losers แต่ราคาหุ้น Undervalued เทียบกับ Bloomberg Median Consensus : MTC (-10.2%YTD, Upside 28.5%), IVL (-8.3%YTD, Upside 36.9%)
AECS - Fundamental and Strategic Team
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 1 เม.ย. 2562