WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Continue to Hold
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งแคบบวกลบสลับในช่วงเช้า กระทั่งราวบ่าย 3 กกต.เผยผลคะแนนเลือกตั้ง พปชร.ได้คะแนนอันดับ 1 ทำให้ดัชนีเริ่มขยับ ประกอบกับเป็นวันสุดท้ายของสัญญา H ของ SET 50 ทำให้ดัชนีบวกสูงสุด 8 จุด ก่อนลงมาปิดบวก 4.85 จุด หุ้นที่ปรับขึ้นนอกจากเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเช่น STEC ส่วนใหญ่เป็น defensive เช่นโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล สื่อสาร นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นเพียง 65 ลบ. (แต่พลิกมา Long ใน Index Futures ถึง 2.1 หมื่นสัญญา) นักลงทุนสถาบันซื้อเล็กน้อย 225 ลบ. 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้จะมีความหวังการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน แต่ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอและการเมืองไม่นิ่งยังกดดันตลาดหุ้น แต่คาดว่า SET วันนี้จะผันผวนในกรอบกว้างขึ้นจากการทำ window dressing และการเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะถูกเพิ่มน้ำหนักใน MSCI (INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL)
          กลยุทธ์ : เน้นกลุ่ม Domestic Plays//ส่วนที่สะสมไปแล้วยังเน้นถือต่อเนื่อง
          หุ้นเด่นเดือน มี.ค : EA, ERW, PLANB, RS, TVO
 
หุ้นเด่นวันนี้: BGRIM
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาท 
          - ต้นทุนราคาก๊าซที่สูงยังกดดันกำไร 1Q19 แต่ราคาก๊าซจะทยอยลดลงในช่วงที่เหลือของปี บวกกับค่า Ft ที่ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปี กำไรจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q19   
          - จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า GLOW SPP1 เม.ย. นี้ หนุนกำลังผลิตปีนี้เพิ่ม 820MW (+40%) ผลักดันกำไร +58% เป็น 2.9 พันลบ.โดดเด่นสุดในกลุ่ม  
 
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$27ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$22ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$2ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไต้หวัน US$8ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐที่มีความคืบหน้าในทางบวกและอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวสหรัฐที่ปรับขึ้นทำให้ตลาดลดความกังวลต่อ
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (+) เอกชนอยากเห็นการเมืองมีเสถียรภาพ การแถลงคะแนนเลือกตั้งของกกต.วานนี้ยังไม่สามารถคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ได้ โดยกกต.จะประกาศผล 9 พ.ค. แต่การที่ดัชนีบ่ายวานนี้ปรับขึ้นทันทีที่เห็น พปชร. ขึ้นอันดับ 1 สะท้อนว่านักลงทุนอยากเห็นความสงบและเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ว่าขั้วไหนเป็นรัฐบาล หากการเมืองชัดเจนจะปลดล็อกตลาดหุ้นให้ปรับขึ้น แต่ถ้าลากยาว เสี่ยงถูกลด GDP 
          (+) กลุ่มที่อยู่อาศัย ลุ้น ธปท.ผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการ LTV ที่จะมีผล 1 เม.ย. นี้เพราะการเก็งกำไรลดลง ผู้ประกอบการลดการเปิดโครงการใหม่ เน้นเปิดแนวราบซึ่งเป็น real demand มากขึ้น หากธปท.ผ่อนเกณฑ์หรือ LTV กระทบน้อยกว่าคาด จะเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มนี้ทันที Top pick คือ SPALI (ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท) ถ้าชอบปันผล แนะนำ LH (เป้า 13 บาท) และ QH (เป้า 3.70 บาท) 
          (-) ASAP เราปรับลดกำไรปี 2019 เหลือ 54 ลบ. -40% Y-Y โดยลด  Gross margin ของธูรกิจให้เช่ารถยนต์จากค่าเสื่อมฯและค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้น สถานการณ์จะดีขึ้นในปี 2020 จากจำนวนรถมือสองที่เพิ่มขึ้นและการชะลอการเพิ่มกองรถ เราคาดว่า ROE จะกลับมาอยู่ที่ 11% ในปี 2020 จาก 3.6% ในปี 2019 แต่เราเริ่มเห็นความเสี่ยงของภาระหนี้ โดยคาด D/E Ratio แตะ 9 เท่าในปี 2019 ซึ่งอาจทำให้ ASAP ต้องเพิ่มทุน เราปรับลดราคาเหมาะสมปี 2019 ลงเหลือ 2.05 บาท (เดิม 4.50 บาท) อิง PBV 1 เท่า แนะนำขาย และเปลี่ยนตัวเป็นหุ้นอื่นในกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น KTC, ASK, THANI      
          (-) ทั่วโลกกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ สหรัฐเผย GDP 4Q18 +2.2% ทั้งปี +2.9% ต่ำกว่าเป้าของทรัมป์ที่ 3% แนวโน้ม 1Q19 อาจโตต่ำกว่า 2% เพราะถูกกระทบจาก Govt. shutdown ขณะที่ฝั่งยูโรโซน ทั้ง S&P ECB ปรับ GDP ปีนี้เหลือ 1.1% จากปีก่อนที่ 1.8% เศรษฐกิจของประเทศหลักชะลอยังกดดันหุ้นโลก
          (+) ลุ้น Window dressing การทำ Window dressing มีผลต่อตลาดชั่วคราว แต่หาก MSCI ตัดสินใจเพิ่ม NVDR เข้าในการคำนวณ (รู้ผลพรุ่งนี้) หุ้นไทยอาจถูกเพิ่มน้ำหนักราว 0.5% (~US$1-2 พันล้าน) และคาดมี INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL ถูกนำเข้าคำนวณในรอบเดือน พ.ค. นี้ 
 
          (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนมีความคืบหน้า
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงจากความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit
          (+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงส่งผลดีต่อหุ้นส่งออก
          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง -0.11 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 59.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปธ.ทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้กลุ่ม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิต
          (-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง -21.6  ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1295.3 ดอลลาร์/ออนซ์
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28-29 มี.ค.   - สหรัฐ-จีน เจรจาการค้า
29 มี.ค.      - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
             - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ PCE (ม.ค.)
             - ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
31 มี.ค.      - จีน: Manufacturing & Service PMI (มี.ค.)
1 เม.ย.      - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
             - จีน: Caixin Manufacturing PMI (มี.ค.)
             - ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan 1Q19
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!