- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 March 2019 16:41
- Hits: 2203
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลับมากังวล Inverted Yield Curve แม้ขาดดุลลดลง
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -2.92 จุด ปิดที่ 1629.40 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 41.2 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเรา Sideways สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ ตลาดฯโฟกัสไปที่ปัจจัยการเมือง หลังเพื่อไทยแถลงจับมือกัน 6 พรรคจัดตั้งรัฐบาลลงสัตยาบัน ด้วยคะแนนราว 255 เสียง แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะสำเร็จหรือไม่ แม้มีข้อดีคือ น้ำมันปรับขึ้น และความกังวล Inverted Yield Curve คลี่คลายระดับหนึ่ง ผู้ซื้อสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 2.2 พันล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.5 พันลบ. สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 2.2 พันล้านบาท และสถาบัน 0.5 พันลบ. และขายเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิแล้ว 14.5 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศคือ กลับมากังวล Inverted Yield Curve แม้ขาดดุลการค้าสหรัฐลด น้ำมันต่ำลง ดาวโจนส์ ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลด ส่วนปัจจัยในประเทศก็ลบ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังมีความไม่แน่นอน อยู่ในช่วงชิงไหวชิงพริบ และบาทอ่อน
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับตัวลงถ้วนหน้า เพราะบอนด์ยิลด์ 10 ปีร่วงแรง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า บาทจึงอ่อน ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง จึงอาจต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรระหว่างวัน การที่บาทกลับมาอ่อน อาจมีการกลับมาเก็งกำไรหุ้นส่งออก เช่นอาหาร&อิเล็กโทรนิกส์
# อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีโอกาสหนุนนำดัชนีฯช่วงปลายเดือนนี้ คือ การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย หลังนำ NVDR มาร่วมคำนวณ รวมทั้งการปิดไตรมาส 1/62 จะมี Window Dressing หรือไม่ ยังต้องติดตามผลการเจรจาการค้าที่ใกล้เข้ามา และความคืบหน้าของ Brexit
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1635-1640 จุด แต่หากกลับมีแรงขาย แนวรับเป็น 1610,1600 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง หากดัชนีต่ำกว่า1629 จุด จะเป็นจุดตัดขาดทุนในระยะสั้น ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือAOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น VGI : เข้าซื้อหุ้น PLANB 18.59% ราคา 6.40 บาท จากทั้งผู้ถือหุ้นเดิมและส่วนเพิ่มทุนใหม่ เป็นบวก เพราะถือว่าลงทุนในกิจการที่มีแนวโน้มสดใสPLANB มีอัตราการเติบโตกำไรเฉลี่ย CAGR ปี 59-61 ที่ 35% และคาดว่าจะได้รับเงินปันผลตก 70-100 ล้านบาทต่อปีใน 2 ปีข้างหน้า มีประโยชน์จากSYNERGY กับทั้ง VGI และ MACO ประเมินพบว่าส่วนเพิ่มราคาพื้นฐาน 0.18 บาทต่อหุ้น ราคาพื้นฐานใหม่เพิ่มเป็น 8.66 บาท จุดแข็งคือ VGI เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดสื่อยุคใหม่ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ส่วนเพิ่มไม่มากแล้ว แนะนำซื้ออ่อนตัว
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators มีสถานะเป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(ให้“SMA10วัน”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1635 – 1640 (หรือ 1645) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1629” (แนวรับย่อย “1610 / 1600”) จุด}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KTB,MBK,RATCH,BPP,BEC,MEGA,VGI หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,DCC,TTCL,CPN, หุ้นที่หลุดList คือ AOT,MINT,KBANK,THANI ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ AEONTS,GULF,PRM
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มธนาคารพาณิชย์
Company Guide : CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 85.00) VGI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.66)
Flash Note : BEM(ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.80)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: กลับมากังวล Inverted yield curve อีกครั้ง
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 2.38% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. 2560 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 3 ปีอยู่ที่ระดับ 2.46%
# ทั้งนี้การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐร่วงลงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นนั้น ส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลาดลง หรือ Inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในอีก 12 หรือ 24 เดือนข้างหน้า โดยภาวะ Inverted yield curve ยังคงปรากฎให้เห็นเมื่อคืนนี้ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภาวะดังกล่าวได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
+ สหรัฐ: ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐลดลงมากสุดตั้งแต่ มี.ค.61
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 14.6% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 5.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบห้าเดือน จากระดับ 5.99 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือนม.ค. จะอยู่ที่ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์
+ สหรัฐ: ผู้แทนการค้าสหรัฐจะไปเยือนจีนปลาย มี.ค.นี้ เป้าหมายบรรลุข้อตกลงภายใน เม.ย.62
# นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย
-สหรัฐ : ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดี ยูโรร่วง
# ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.)หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB พร้อมที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีก
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวล Inverted yield curve จับตาเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,625.59 จุด ลดลง 32.14 จุด หรือ -0.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,805.37 จุด ลดลง 13.09 จุด หรือ -0.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,643.38 จุด ลดลง 48.15 จุด หรือ -0.63%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐลดลงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 ของสหรัฐ
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง ตามสต็อคน้ำม้นกลับพุ่ง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 59.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาดโลก
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง ดอลลาร์แข็งค่ากดดัน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่1,310.40 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส
• นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศภายในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pendinghome sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• การเมืองไทย: 6 พรรคจับมือจัดตั้งรัฐบาล ด้วยแกนนำ พรรคเพื่อไทย
# พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "พรรคฝ่ายประชาธิปไตย" ประกาศเจตนารมณ์จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยระบุว่ามีที่นั่งในสภาฯ รวมกันอย่างน้อย 255 เสียงแล้ว พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งครองที่นั่งสูงสุดในสภาฯ นำทีมพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) และพรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) ลงนามในสัตยาบัน "หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)" พร้อมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อเวลา 10.45 น. วานนี้ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
# ผลกระทบ: ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะต้องรอ กกต.ประกาศคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการ 9 พ.ค.62และในที่สุดสภาจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะรับรองการจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย หรือไม่สำหรับพรรคที่วานนี้ไม่ได้เข้าร่วมคือ เศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีนายมิ่งขวัญเป็นแกนนำ และมีอยู่ 6 เสียง จึงยังเป็นที่จับตามองว่ายังจะร่วมกับกลุ่มนี้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ก็ประกาศว่าจะร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
• พปชร.ประกาศมั่นใจเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเดินหน้าคุยแต่ยังไม่มีข้อสรุป
# นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดแถลงยืนยันความมั่นใจที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมืองที่มีความเห็นและอุดมการณ์ตรงกัน โดยขณะนี้ยังเดินหน้าหารือกับพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ยังไม่ข้อสรุป และยังไม่ใช่เวลากล่าวอ้างในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าได้พูดคุยกับพรรคใดบ้าง
# ส่วนกรณีที่ 6 พรรคการเมืองนำโดยพรรคเพื่อไทยได้ร่วมลงสัตยาบันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพร้อมระบุว่ารวมเสียงได้แล้วมากกว่า 255 เสียงนั้น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.ระบุว่า เป็นแค่การใช้กลไกทางการเมืองอ้างความชอบธรรมช่วงชิงโอกาสตั้งรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดรวมเสียง ส.ส.อย่างเป็นทางการได้ เพราะตัวเลขยังไม่นิ่ง ดังนั้น จะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการเลือกตั้ง ส.ส.ก่อน
• สศค.เผยภาวะเศรษฐกิจ ก.พ.62 มีสัญญาณทรงตัว
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณทรงตัว โดยการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งยังขยายตัวได้ดี สำหรับการลงทุนภาคเอกชนที่สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ และภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์และเหล็กกลับลดลงเล็กน้อย สำหรับด้านอุปทาน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวชะลอลงตามนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวเล็กน้อย
+ คาด MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย หลังจากนำ NVDR เข้าคำนวณ
# MSCI: ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ลุ้น MSCI Index ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% ในช่วงราว 29 มี.ค.62 นี้มั่นใจช่วยดึงเงินต่างชาติไหลกลับ ด้านโบรกฯคาดฟันด์โฟลว์เข้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมแนะ 4 หุ้นที่จะได้เข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบเดือนพ.ค.62 INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL (ข่าวหุ้น 7 มี.ค.62 )