•    วันนี้คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบกว้างนักลงทุนยังจับตาการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคแกนนำอย่างใกล้ชิด ขณะที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยงจากการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ลง ประเมิน SETเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,635 จุด

•    (+) ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐฯ ลดลงจากครั้งก่อนหน้า (Actual 5.11 หมื่นล้านดอลลาร์ vs Previous 5.99 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยยอดขาดดุลการค้ากับจีนเหลืองเพียง 3.32 หมื่นล้านดอลลาร์จากยอดส่งออกถั่วเหลืองจากจีนที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์

•    (-) นักลงทุนยังคงกังวลภาวะ Inverted Yield Curve หลัง yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ10 ปีลดลงสู่ระดับ2.347% ต่ำสุดในรอบเดือน ธ.ค. ปี 60 ซึ่งยังคงต่ำกว่า yield พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 3 เดือนที่อยู่ในระดับ 2.447%  

•    (+) สศก. รายงานภาวะเศรษฐกิจการเกษตร 1Q62  ขยายตัวเพียง 0.5%YoY จากอัตราการขยายตัวของสาขาพืชที่ชะลอลงเป็นหลัก อย่างไรก็ดีการผลิตพืชเศรษฐกิจหลายชนิดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และลำไย ขณะที่การผลิตสินค้าปศุสัตว์โดยรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายเพื่อรองรับความต้องการของตลาด รวมทั้งมีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ส่วนการผลิตสินค้าประมง ผลผลิตกุ้งทะเลเพาะเลี้ยงเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการทำประมงทะเลและการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดมีทิศทางเพิ่มขึ้น (Bangkokbiznews)

•    (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนลท.ต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน MTD ต่างชาติขายสุทธิ 17,788.67 ลบ.

•    สัปดาห์นี้มองทิศทางของ SET Index ผันผวน จับตาบทสรุปของรัฐบาลผสม สัดส่วนจำนวน ส.ส. ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังคือความเสี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 62 โตลดลงเหลือ 3.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.0%ดังนั้นมอง SET Index มีความผันผวนสูง โดยดัชนีมีแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,640 จุดมองหากดัชนีย่อเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้

•    กลุ่มนิคมและโลจิสติกส์: กลุ่มนิคม อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,274 ไร่, พื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,837 ไร่ และที่ดินสำหรับ Commercial Area รวม 1,227 ไร่ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,005 ไร่ จาก         ปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่), WHA (คาดได้แรงหนุนจากธุรกิจนิคมและโลจิสติกส์ที่เติบโตดี โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินใหม่ 1,600 ไร่ จากปีก่อนมียอดขาย 1,232 ไร่ หลังล่าสุดเปิดตัวนิคมแห่งใหม่พื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าจีนเตรียมเซ็นสัญญาซื้อแล้วราว 285 ไร่ พร้อมปรับราคาขายและค่าเช่าที่ดินในเขต EEC ขึ้นอีก 10%) นอกจากนี้มองกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ได้อานิสงส์บวกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แนะนำ BEM (ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้ามีจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-7%YoY จากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.1 แสนเที่ยวคน/วันทั้งนี้ตั้งเป้าปี 64จำนวนผู้โดยสารจะแตะ 5-5.5 แสนเที่ยวคน/วัน จากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ก.ย. 62 และช่วงเตาปูน-ท่าพระ มี.ค. 63 ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 1-2%YoY ใกล้เคียงปีก่อนที่เติบโต 1.3%YoY) และ WICE (ปี 62 คาดกำไรเติบโต 30%YoY หนุนด้วยเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25%YoY จากการรุกธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน Cross-Border Services โดยมีเส้นทางหลักคือจีน-South East Asia บวกกับ แผนขยาย Network ไปยังตลาดโลจิสติกส์ที่ประเทศจีน)

•    Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62 เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVDปี 62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoY แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

•    กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic  รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)

SET100 Top Overvalued Gainer/ Undervalued Loser 

•    หุ้น SET100 ที่เป็น Top Gainer แต่ราคาหุ้น Overvalued เทียบกับ Bloomberg Median Consensus : CBG (+69.9%YTD, Downside 2.1%), DTAC (+18.5%YTD, Downside 3.3%) %) 

•    หุ้น SET100 ที่เป็น Top Losers แต่ราคาหุ้น Undervalued เทียบกับ Bloomberg Median Consensus : ROBINS (-9.8%YTD, Upside 26.8%) IVL (-9.7%YTD, Upside 38.6%)

 

    27-Mar-19    Change (pts.)    26-Mar-19

SET Index    1,629.40    -2.92    1,632.32

SET50 Index    1,085.46    -3.01    1,088.47

SET100 Index    2,388.53    -6.49    2,395.02

 

 

High    1,635.43    Gainers       412 

Low    1,624.26    Unchanged    633

Value (Bt m)    41,225.41    Losers  782 

Volume (*000)    14,081,006          

 

Market Valuation

SET Data    2018F    2019F    Long Term

Fwd PER (x)    14.8    13.6    13.6

EPS Growth (%)    13.9    9.3    7.7

EV/EBITDA (x)    9.9    9.2    9.0

FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6

Dividend Yield (%)    3.3    3.5    3.9

ROE    11.5    11.7    11.6

 

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt    27-Mar-19    WTD    MTD    YTD

Institution    (510.96)    (2,400.28)    5,842.24    32,605.57

Proprietary    535.63    (194.55)    (1,289.90)    2,655.71

Foreign     (2,254.97)    (3,227.49)    (17,788.69)    (14,477.21)

Individual    2,230.30    5,822.32    13,236.34    (20,784.07)