ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลง -20.38 จุด (-1.24%) ปิดที่ 1,626 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและยูโรโซน ทรุดตัวลง นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งที่ยังไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งและเสถียรภาพของรัฐบาลพรรคร่วมซึ่งเป็นแรงกดดันต่อภาวะการลงทุน ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม Big Cap เช่น Energy, Petro, Bank และ Commerce โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,642 ล้านบาท และ Net Short TFEX 16,346 สัญญา แต่ซื้อสุทธิเล็กน้อยในตลาดพันธบัตร 161 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลางคาดดัชนีแกว่งตัว 1,615 – 1,635 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกที่รออยู่ในช่วงปลายสัปดาห์ ได้แก่ การทำ Window dressing รวมถึงลุ้นผล MSCI อนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงผลการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมยังไม่มีความแน่นอน และหาก 2 พรรคแกนนำยังไม่สามารถสรุปสูตรพรรคร่วมการจัดตั้งรัฐบาลให้ชัดเจนภายในเร็ววันนี้จะยิ่งกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนซึ่งจะเห็นได้จาก Fund Flow ต่างชาติวานนี้พลิกเป็น Net Sell หุ้นและ TFEX จำนวนมากซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวนต่อไป  

กลยุทธ์การลงทุน : 

•    กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain

•    AMATA, STEC, BEM และ BTS ได้รับอานิสงส์การเลือกตั้งหนุนต่อความเชื่อมั่นการลงทุน

•    กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก MSCI อนุมัติให้รวม NVDR ไว้ในน้ำหนักการลงทุน SCC, BDMS, INTUCH, RATCH, CENTEL และ DTAC

หุ้นแนะนำวันนี้ : STEC (ปิด 23.7 ซื้อ/เป้า 29) เก็งกำไรกลุ่มรับเหมามองเป็นกลุ่มที่จะได้อานิสงส์หลังการเลือกตั้ง เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะชูแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ, EA (ปิด 48 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. ขณะเดียวกันวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาบริษัทเริ่ม COD โครงการหนุมาน 8 อีก 48 MW และยังมีโครงการหนุมาน 9 และ 10 ที่จะ COD เพิ่มเติมอีกในเร็วๆนี้

Top picks ปี 2Q19 : CPALL, IVL, MTC, SPRC และ TOP

KSS report วันนี้ : Thai Media (Top picks: VGI และ PLANB)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+/-) กกต.เปิดผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. เขตครบทั้ง 350 เขต แต่ภาพการเมืองยังไม่ชัดเจน เมื่อ พท.และพปชร.ต่างอ้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล : วานนี้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขตครบทั้ง 77 จังหวัด รวม 350 เขต (อย่างไม่เป็นทางการ) พบว่าพรรค พท.ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ที่ 137 คะแนน ขณะที่พรรค พปชร. ได้คะแนนเป็นอัน 2 ที่ 97 คะแนน ส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อยังไม่มีการเปิดเผยโดยคาดว่าจะมีการประกาศอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 29 มี.ค.19 ส่งผลให้ภาพการเมืองยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อพรรค พท.และ พปชร.ต่างอ้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลโดย พท.ใช้สิทธิชอบธรรมในระบบรัฐสภาซึ่งได้คะแนนเสียง ส.ส.เขตเป็นอันดับ 1 ขณะที่ พรรค พปชร.อ้างความชอบธรรมจากคะแนน Popular vote 9 ล้านคะแนนมากกว่าพรรคเพื่อไทยที่ได้ 7.4 ล้านคะแนน โดยอิงเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญที่ทุกคะแนนมีความสำคัญ

•    (+/-) ดาวโจนส์บวกตามหุ้นโบอิ้ง แต่บวกได้ในกรอบจำกัดเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับภาวะ Invert yield curve ในตลาดพันธบัตรสหรัฐ : ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 14.51 จุด ปิดที่ 25,83 จุด หลักๆมาจากการเพิ่มขึ้นของหุ้น โบอิ้ง (ดาวโจนส์คำนวณโดยใช้ Price weight หุ้นที่ราคาสูงจะมีน้ำหนักในการคำนวนมาก) ตอบรับข่าวบริษัทโบอิ้งได้เชิญนักบินและบุคลากรทางเทคนิคทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบินในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max อย่างไรก็ตามดัชนีเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัดเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังจากเกิดภาวะ Invert yield curve ในตลาดพันธบัตรสหรัฐ (ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐติดลบเมื่อเทียบกับพันธบัตร 3 เดือน)

•    (+/-) Trade war สัปดาห์นี้ติดตามผลการเจรจาของคณะผู้แทนการค้าสหรัฐซึ่งจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ : การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเดินหน้าต่อ โดยสัปดาห์นี้คณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.

•    (+/-) การเมืองในประเทศติดตามการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล และ 29 มี.ค. MSCI ประกาศเกณฑ์น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย : ลุ้นให้ MSCI ประกาศอนุมัติรวม NVDR ไว้ในการคำนวณ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 3% และคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นที่คาดว่าจะถูกรวมเข้าคำนวณเพิ่มอาทิ INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL