เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเด่นก่อนการเลือกตั้ง นำโดยแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP และธนาคาร SCB, KBANK  ณ.สิ้นวัน ปิดตลาดที่ 1,646.2 จุด  (+12.2 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นลบ. (วันก่อนหน้า 3.9 หมื่นลบ.)

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยที่ 2,291 ลบ. (สถาบันซื้อสุทธิ 3,238 ลบ.) และเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 6,402 สัญญา

ผลการเลือกตั้งยังไม่สามารถสรุปเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแน่ชัดได้  / ปัจจัยต่างประเทศถูกกดดันจาก Inverted yield curve : หากอิงจากผลการนับคะแนนการเลือกตั้งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการ (90% ของการนับคะแนน) พบว่า พรรคพลังพระชารัฐมีโอกาสสูงที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลและนายกเป็นคนเดิมนั่นคือคุณประยุทธ์ อย่างไรก็ตามสำหรับสภาล่าง พรรคภูมิใจไทยถือเป็นตัวแปรสำคัญ ภาพรวมเราคาดตลาดตอบรับในเชิงบวกอ่อนๆ (จำนวนส.ส.พลังประชารัฐได้สูงกว่าตลาดคาด) รอดูการจัดตั้งรัฐบาลที่เราคาดจะเป็นพรรคผสมที่มีเสียงจากฝ่ายค้านไม่ต่างกับรัฐบาลในสภาล่าง (240:260) ซึ่งอาจทำให้การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเผชิญกับความยากลำบาก ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญไม่แพ้กันนั้นคือภายหลังจากที่ ECB, FED ปรับลดคาดการณ์ GDP ลง และกลับลำชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุดส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 3เดือน/10ปี พลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 12ปีที่ -0.02% และ พันธบัตรเยอรมัน 10ปี ติดลบครั้งแรกในรอบ 30เดือนเช่นกัน เหตุจากความกังวลของการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก ในระยะยาวเป็นหนึ่งในเหตุที่ทำให้นักลงทุนหันซื้อพันธบัตรระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยงประกอบกับประเมินว่าโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยเริ่มหมดไป

สำหรับการลงทุนเดือนมีนาคม : สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ  1,620จุด +/- เนื่องจากรอ 3 ปัจจัยอย่าง 1) คะแนนเสียงอย่างเป็นทางการจากกกต.ในเวลา 14.00วันนี้ เพื่อคาดการณ์การจัดตั้งรัฐบาล 2) ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 27-28มี.ค. และ 3) การแกว่งตัวของ Bond Yield สหรัฐระยะยาวที่ถูกดดัน  แนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และถือ BEM, CPALL, PTTEP

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา : รมว.ยุติธรรมสหรัฐตัดสินไม่พบหลักฐาน Trump สมคบคิดรัสเซียประเด็นการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

 

แนะทยอยสะสมหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากผลการเลือกตั้ง แนะสะสม TU ราคาเหมาะสม 21.70 บาท/หุ้น คาดกำไร Q1 เติบโตเด่น โดยปัจจุบันราคาทุน่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีประมาณ 1,480-1,500 เหรียญ/ตัน ทำให้คาดมี margin(%) เด่น ในขณะที่ธุรกิจกุ้งได้ผลบวกจากการปรับราคาขายและขยายตลาดไปสู่สินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ในเชิงความเสี่ยงลดลงหลังจากในปีก่อนได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายคดีความของ Chicken of the Sea และเลิกธุรกิจแซลมอนในสกอตแลนด์ที่ขาดทุน ภาพรวมประเมินกำไรจากการดำเนินงานปีนี้ที่ 5,900 ลบ. (+12%YoY) ในเชิงเทคนิคกรอบ 18-19.0 หาก Break ได้ในเชิงเทคนิคมองว่าดีเพิ่มปริมาณขาย 7.5% และ 14.8% ให้ PTTEP ในปี 2562-2563

 

ลุ้นปรับตัวขึ้นทดสอบ 1660 (EMA200Day) ผ่านได้กลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่ :  ดัชนีปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. แทบทุกกลุ่ม ทำให้ขณะนี้ดัชนี Break แนวต้านกรอบ Sideway ที่ 1645 ด้วยแท่งเทียนเขียวเต็มแท่ง แสดงถึงแรงซื้อที่ชนะแรงขายอย่างชัดเจน ประกอบกับสัญญาณบวกใน MACD ระยะสั้นคาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ มองโซนแนวต้านถัดไปที่ 1657-1660 จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสสะสมตามแนวรับ เพื่อ Trading

กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะทดสอบแนวต้าน 1660 พิจารณาแรงขายประกอบ หากมีมากแนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ แต่หากหลุด 1640 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: ทยอยซื้อหุ้นเมื่อดัชนีอ่อนตัวระหว่างวัน และเน้นเป็นเพียงการ Trading เล่น Rebound

แนวรับ : 1630, 1640 แนวต้าน : 1660, 1675

 

ปัจจัยต่างประเทศ :   จับตา EC พิจารณายืดเวลา Brexit / 27มี.ค.จับตาสหรัฐบินเจรจาการค้ากับจีน

ปัจจัยในประเทศ :   

หุ้นเทคนิค :  

DDD (30.50-31.50, Tp 32.50//34.00, Cut 30.00

THANI (5.60-5.70, Tp 6.00//6.20, Cut 5.50)

 

รับเหมา

'บิ๊กตู่' เข็นโปรเจ็กต์ร้อน EEC ทำสัญญารอยต่อรัฐบาลใหม่ (ประชาชาติธุรกิจ)

ความเห็น : 5 เมกะโปรเจ็กต์ EEC 6.5 แสนล้าน กำลังอยู่ในขั้นตอนประมูล 1.) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน  เปิดประมูลไปแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา  2.) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก  3.) โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา  4.)โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3  และ  5.) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3  แต่ยังค่อนข้างล่าช้า ซึ่งเราไม่มั่นใจนักจะเซ็นสัญญาในรัฐบาลปัจจุบันหรือไม่  เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่าตลาด แนะนำเก็งกำไรช่วงอ่อนตัวใน STEC (เป้า 29 บาท) และ NWR (เป้า 1.3 บาท)

 

PTTEP

ซื้อเมอร์ฟี่ออยล์ หนุนอีบิตด้าเพิ่มอีก 16% (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : การเข้าซื้อกิจการของ Murphy เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Coming Home” ที่เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความคุ้นเคย สามารถสร้างกระแสเงินสดทันทีและเพียงพอนำไปลงทุนในโครงการอื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต จากการประเมินเบื้องต้นเราคาดจะเพิ่ม EBITDA ประมาณ 15.1% ในปี 2563 และมูลค่าเพิ่ม 8.1 บาทต่อหุ้น แนะนำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 150 บาท

 

BGRIM

มั่นใจปีนี้ COD เพิ่ม 697MW แย้มเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า 2-3 ราย ขนาด 300 MW (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : โครงการต่างๆ ดังกล่าวเป็นไปตามแผน แต่มี Upside จากโครงการ SPP1 ที่เพิ่มซื้อกิจการแล้วเสร็จ ทั้งนี้อยู่ระหว่างประเมินว่าจะมีลูกค้าอุตสาหกรรมมากน้อยเพียงใด ก่อนตัดสินใจกำหนดขนาดโรงไฟฟ้าทดแทน ที่ประเมินในช่วง 70-140 MW ต่อโรง แนะนำ Trading Buy เป้าหมาย 32 บาท

 

HMPRO

ชี้โค้ง 1/62 รายได้เด้ง เอ็กซ์โปปั๊มยอดขาย 600 ล้าน (ทันหุ้น)

ความเห็น : คาดกำไร 1Q62 ลดลง QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เติบโตดี YoY จากคาดการณ์ SSSG 2-3% ขยายสาขา จัดงานโฮมโปรเอ็กซ์โป และเพิ่มอัตรากำไรจากประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้นและเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand แนะนำ Trading Buy เป้าหมาย 17.20 บาท