- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 March 2019 16:58
- Hits: 1314
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ลงอีก ซื้ออีก
เมื่อวานดัชนีฯหุ้นไทย ขึ้นแล้วย่อลง (ตามคาด) แต่หุ้นรายตัว ขยับขึ้นได้ดีกว่าดัชนีฯ เช่น DDD (ดักหลุดแคช) TQM KTC ส่วนหุ้นที่ลงแย่กว่าตลาด ได้แก่ HANA (มุมมองเชิงลบ หลังการประชุมนักวิเคราะห์) PSL (ตลาดคาดงบ 1Q19 พลิกขาดทุน)
วันนี้ ถ้าหุ้นไทยย่อลง แนะ ซื้อสวน เน้นบูลชิพใหญ่ ที่มีผลผลักดัชนีฯ ในกลุ่ม พลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ โรงไฟฟา ธนาคาร สื่อสารฯ เกษตรอาหาร
ระยะสัปดาห์: หลังจากการพักฐาน เสร็จสิ้นลงในสัปดาห์นี้ หุ้นไทยจะทะยานขึ้น หลังวันเลือกตั้ง คาดต่างชาติ และกองทุนในประเทศเริ่มซื้อคืน เมื่อเกิดความชัดเจนการเมืองในประเทศ บวกกับช่วงเวลา Window dressing สัปดาห์หน้า และหุ้นไทยอีกจำนวนมาก รอขึ้น XD Covered short ส่วนปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศให้น้ำหนักกับ ผลการประชุมเฟด ที่จะกลับมาดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลาย หนุนบรรยากาศลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก
What to watch:
(+) ผลประชุม กนง. คงดอกเบี้ย 1.75% ตามตลาดคาด และ ได้ปรับลดคาดการ GDP ปีนี้ลงเหลือ +3.8% จากเดิมคาดโต 4.0% และคงคาด GDP ปีหน้า +3.9% / ตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับลง สอดคล้องกับที่ Consensus คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น ไม่ได้มีผลต่อ จิตวิทยาการลงทุน
(+) MS คาดราคาน้ำมันดิบรอบนี้ เป็นการปรับขึ้นมาสอดรับกับปัจจัยพื้นฐาน และ มองว่ามีโอกาสได้เห็นน้ำมันขึ้นแตะ ระดับ US$75/ บาร์เรล อีกครั้ง
(+) หลังเลือกตั้งภายใน 20 วัน เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ที่นักลงทุนจะซื้อหุ้นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อไปรอทำกำไร หลังวันเลือกตั้ง
(+) ผลประชุมเฟดเมื่อวาน ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดหวัง ด้วยรายละเอียดเรื่องการเพิ่มสภาพคล่องกลับคืนสู่ตลาด ดังนี้ (1.) ยุติการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ จะเริ่มเดือน พค. เร็วกว่าที่ตลาดมองว่าจะเริ่มเดือน ตค.ปีนี้ (2.) เงินที่ได้มาจาก MBS run off ราว US$2 หมื่นล้านต่อเดือน จะนำมาซื้อพันธบัตรในตลาดรอง เริ่ม ตค.ปีนี้ (3.) Dot plot implication ปีนี้จะคงดอกเบี้ย 2.25-2.5% จากที่เคยส่งสัญญาณว่าปีนี้จะขึ้น 2 ครั้ง ส่วนปี 2020 ยังคงมีโอกาสขึ้นได้ 1 ครั้ง และ หยุดขึ้นในปี 2021 (4.) ปรับลด GDP ปีนี้ลง จาก +2.3% เหลือ 2.1% ปี 2020 ลงเหลือ 1.9% จาก 2%
Economist consensus นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าดอกเบี้ยปีหน้า จะไม่ขึ้น ส่วน GDP 1Q19 นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ คาด +1.1% q-q saar. ขยายตัวต่ำสุด ในรอบหลายปี
MS เห็นว่าในเมื่อ เฟด เปลี่ยนแปลงท่าที Dovish (อ่อนลง) ที่จะ การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย คาดว่าจะส่งผลให้ (สินทรัพย์เสี่ยง) ตลาดหุ้นเกิดใหม่ พร้อมกลับมาแรลรี่ได้อีกครั้ง เนื่องด้วย นักลงทุนที่ถือเงินสดในรูปสกุลเงินดอลล์ จากการขายสินทรัพย์เสี่ยง ในสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะโยกเงินออก กลับมาล่าผลตอบแทนที่ดีกว่าใน สินทรัพย์เสี่ยงตลาดเกิดใหม่ แทน
หุ้นแนะนำ
GUNKUL แนวรับ 3.1 ต้าน 3.3 Stop loss 3 บ.
INTUCH MS ออกรายงานแนะ ซื้อ DTAC และ INTUCH จากคาดว่าจะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า หลังจาก MSCI เพิ่มน้ำหนัก 29 มีค. นี้ (เป็นผลจากการปรับรวม NVDR ซึ่งคาดว่าจะมีผล พค.นี้ ตามรอบปฏิทินของ MSCI)
รายงานวันนี้
MS Research Tactical Idea
แนะนำ ซื้อ INTUCH และ DTAC คาดราคาหุ้นจะขึ้นใน 60 วัน ด้วย Probability 60-70% เพราะการปรับน้ำหนัก MSCI's Thailand ขึ้น ซึ่งจะสรุปภายใน 29 มี.ค. และจะมีผล เดือน พ.ค. นี้ คาด INTUCH ได้อานิสงค์มากสุดโดยมีเม็ดเงิน US$ 3.3 พันล้าน และ DTAC คาดมีเม็ดเงิน US$ 1.1 พันล้าน
COM7: How to keep growth continue...
เราเห็นศักยภาพของ COM7 ที่จะรักษา Growth momentum ในระดับ 15-20% ต่อไปได้ จากการขยายสาขาที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทอาศ้ยข้อได้เปรียบจากที่มีหลากหลายแบรนด์ในมือ ช่วยให้เจรจาขยายสาขาได้ง่าย และสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังระหว่างได้ง่ายด้วยการ Share inventory ผ่านระบบการค้าออนไลน์ นอกจากนี้การทำแฟรนไชน์ช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาด Traditional Trade ซึ่งช่องทางนี้มีส่วนแบ่งตลาดถึง 30% และเป็นตลาดที่ COM7 ไม่เคยเข้าถึงมาก่อน ซึ่งเรามองก้าวนี้เป็น Strategic move ที่สำคัญ และจะเพิ่มมูลค่าให้บริษัทอย่างมีนัยยะ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท
FOOD (ถั่วเหลือง): Weak El Ni-o to boost South America soybean, stifle prices
เรามองว่าการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์ El Ni-o จะหนุนให้ฝนตกดีในแถบอเมริกาใต้ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตออกมามากใน 1H19 ภาพโดยรวมเรายังมองว่าผลผลิตของอาร์เจนติน่าจะออกมาคอ่นข้างมากในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ crushing spread ของโลกและอัตรากำไรของ TVO อ่อนตัวลง เรายังคงคำแนะนำ ถือ TVO จากอัตราผลตอบแทนเงินปีนผลที่ราว 6%
Consumer: Triple Play
เราแนะนำ 3 ไอเดียในการเล่นกลุ่ม Consumer 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง (ท่องเที่ยว ค้าปลีก โรงพยาบาล) 2) กลุ่มที่กำไรโตดีกว่า SET (downstream food, ท่องเที่ยว ค้าปลีก โรงพยาบาล) และ 3) Value play ตัวที่ราคาโดน drawdown ลงมาหนัก (CHG และ AU)
หุ้นมีข่าว
(+) GULF ยื่นข้อเสนอเข้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟาก๊าซในประเทศเวียดนามขนาด 6,000MW
GULF ได้เข้ายื่นข้อเสนอต่อทางการเวียดนามเพื่อเข้าไปโรงไฟฟาก๊าซในเวียดนาม มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมเป็นกำลังผลิตที่ยื่นเสนอไปทั้งหมด 6,000MW โดยทุกๆ 1,000MW ที่ GULF มีโอกาสเข้าไปพัฒนาจะอัพไซด์ต่อราคาเปาหมายของเราประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้เราได้รวมมูลค่า 1.5 บาทต่อหุ้นของโครงการดังกล่าวเข้าไว้ในราคาเปาหมายปัจจุบันแล้ว ข่าวดังกล่าวยังอยู่ในช่วง early stage มากเกินกว่าจะตัดสินได้ว่า GULF จะได้เข้าไปพัฒนาโครงการดังกล่าวหรือไม่ จึงอาจจะยังไม่ส่งผลบวกต่อราคาหุ้นมากนัก ทั้งนี้จากผลงานที่ผ่านมา เรามองว่า GULF มีโอกาสสูงที่จะได้เข้าไปพัฒนาโครงการนี้บางส่วน โดยเรายังเชื่อว่าการเข้าซื้อ GULF ในขณะที่ราคายังไม่แพง เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการรอคอยให้ทุกอย่างชัดเจน เรายังคงชอบ GULF ("ซื้อ", ราคาเปาหมาย 108 บาท) ที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟา IPP
(*/+) GUNKUL กกพ.ประกาศยื่นข้อเสนอรับซื้อไฟฟาโซลาร์ภาคประชาชนระยะแรก 100 MW พ.ค.นี้ คาดประกาศรายชื่อและลงนามซื้อขายไฟฟา มิ.ย.62 โดย จะรับซื้อไฟฟาส่วนเกินในอัตรา 1.68 บาทต่อหน่วยระยะเวลา 10 ปี หวังปีแรก 2 หมื่นครัวเรือน มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4 พันล้านบาท
GUNKUL เผย โครงการนี้จะเกิดประโยชน์กับบริษัทในแง่ของการเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งระบบ (EPC) เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินงานด้านติดตั้งโซลาร์เซลล์ทุกระบบอยู่แล้ว (ที่มา ASPEN)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1627.62 (-0.15%) มูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,620 แนวต้าน 1,635 / SET100 รับ 2,375 ต้าน 2,395 BSET100 รับ 10.40 ต้าน 10.48 / BMSCITH รับ 12.26 ต้าน 12.40
Topic: "SET at a bargaining level"
กลยุทธ์เทคนิค:
สัปดาห์หน้าเราจะได้ทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หากออกมาในลักษณะการจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างลงตัวจะหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้แรง อย่างไรก็ตามหากผลออกมาในเชิงลบอาจกดดันดัชนีให้ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามนักลงทุนได้สะท้อนปัจจัยความไม่แน่นอนนี้ไปบางส่วนแล้ว จากการที่ดัชนีปรับตัวลง 3% นับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. เป็นต้นมา เรามองว่าความเสี่ยงของตลาดที่จะปรับตัวลงไปมากกว่านี้จากปัจจัยเรื่องผลการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวนั้นมีจำกัด มุมมองของเราจึงคาดว่าตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหรือเริ่มฟืนตัวขึ้นได้ ซึ่งการปรับตัวลดลงของตลาดจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อได้อีกครั้ง เราประเมินแนวรับบริเวณ 1600-1620 จุด จะเป็นช่วงที่ Indicator ลงมาถึงจุด oversold นอกจากนี้วอลุ่มการซื้อขายช่วงพักตัวลดลงอย่างมีนัยสาคัญ อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของการปรับตัวลงไปด้วย
มุมมองตลาด:
เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงของการปรับตัวลงจำกัด หากลงมาบริเวณแนวรับ 1600-1620 จุด จับตาผลการเลือกตั้งเหตุการณ์ในอดีตชี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้ดีหลังเลือกตั้ง
วิธีการเลือกหุ้น:
แนะนำหุ้นที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งส่งสัญญาณฟื้นตัวจากแนวรับและใช้สัญญาณเทคนิคช่วยจับจังหวะการซื้อขาย
Bull signal: RS, PLANB, SAWAD
Bear signal: HANA, PSL, KCE, ROBINS (1-week low)
Portfolio: BCH, KTC, SAWAD, PLANB, MEGA. TOP, GLOBAL
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
RS
แนะนำ ซื้อ
รับ 17.70
ต้าน 19.00-19.50
เหตุผล RS บ่งชี้การฟืนตัวจากแนวรับสำคัญ 17 ยืนยันสัญญาณกลับตัวจาก Stochastic
PLANB
แนะนำ ซื้อ
รับ 6.30
ต้าน 7.00
เหตุผล ตั้งแต่ต้นปี 2019 PLANB เปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น (Higher low) สอดคล้องกับ RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา
SAWAD
แนะนำ ซื้อ
รับ 52.50
ต้าน 58.00
เหตุผล ปรับตัวขึ้นได้ตามคาดปัจจุบันราคาเข้าใกล้จุดต้านสำคัญ 54 หนุนด้วยวอลุ่มสะสม OBV เพิ่มขึ้น โอกาสทะลุผ่านแนวต้านเพื่อเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น