- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 March 2019 16:49
- Hits: 1038
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นขึ้นหนุนด้วยราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อ บวกกับ การคลายความกังวลของนักลงทุนหลัง FED คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมพร้อมส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,625-1,640 จุด
Market Factors
• (+) ผลการประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ2.25-2.5% โดยมีทิศทางคงอัตราดอกเบี้ยใน ปีนี้ส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นแต่ในระยะยาวยังมีความเสี่ยงจากการปรับลดคาดการณ์ศก.ของ FED เหลือเพียง 2.1% และปรับลดอัตราเงินเฟ้อลงเหลือ1.8% และปรับเพิ่มอัตราการว่างงานสู่ระดับ3.7%
• (+) ทิศทางราคาน้ำมันดิบ NYYMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 60.16 ดอลลาร์/บาเรลล์ ปรับเพิ่มขึ้น 29.3% YTD และ 7.8% MTD.
• (-) กนง.มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% มองเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับศักยภาพ แม้ว่าจะชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง (กรุงเทพธุรกิจ)
• (-) กนง.ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 62 เหลือโต 3.8% จากเดิมคาดโต 4.0% จากปัจจัยด้านการส่งออก หลังการส่งออกสินค้าชะลอลงกว่าที่ประเมินทิศทางของเศรษฐกิจโลกรวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้า โดยปรับลดมูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้เหลือโต 3.0% จากเดิมคาดโต 3.8% (ไทยรัฐ)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 16,095.04ลบ.
Investment Strategy
• แม้เมื่อคืนตลาดหุ้นจะได้อานิสงส์บวกจาก Sentiment ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลัง FED ส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ดีนักลงทุนต้องระมัดระวังในช่วงปลายสัปดาห์นี้ SET Index อาจเผชิญกับแรงขายจากความกังวลของนักลงทุนหลังธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2562 โตลดลงเหลือ 3.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.0% ส่วนสัปดาห์หน้ามองทิศทางของ SET Index ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งและบทสรุปของโอกาสที่จะเกิดการจัดตั้งรัฐบาลผสม ดังนั้นมอง SET Index มีความผันผวนสูง โดยดัชนีมีแนวรับ 1,615 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด มองหากดัชนีย่อเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง:กลุ่มค้าปลีก (มองได้อานิสงส์บวกจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคการเมืองหลักทั้ง 4 นำมาใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของค่าแรงขั้นต่ำใหม่สูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 330 บาทต่อวัน ราว 25-26.9% คาดหนุนกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าให้ปรับตัวดีขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ CPALL, AEONTS), กลุ่มท่องเที่ยว (คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AAV, AOT, PLAT) และกลุ่มสื่อ (คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. ได้แก่ กลุ่มดิจิตอลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 64.8%) แนะนำ RS, BEC และกลุ่ม Out of Home (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 13.7%) แนะนำ VGI
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62 เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVDปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
20-Mar-19 Change (pts.) 19-Mar-19
SET Index 1,627.62 -2.47 1,630.09
SET50 Index 1,081.97 -2.33 1,084.30
SET100 Index 2,383.74 -4.27 2,388.01
High 1,635.42 Gainers 516
Low 1,626.97 Unchanged 577
Value (Bt m) 36,490.69 Losers 724
Volume (*000) 12,315,047
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.8 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 7.4
EV/EBITDA (x) 9.9 9.2 9.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 3.9
ROE 11.5 11.7 11.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 20-Mar-19 WTD MTD YTD
Institution 1,435.39 1,338.35 1,786.67 28,550.00
Proprietary (389.30) (375.16) (621.90) 3,323.70
Foreign (1,409.09) (1,823.89) (16,095.06) (12,783.58)
Individual 363.00 860.70 14,930.29 (19,090.12)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary