- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 September 2014 16:57
- Hits: 1937
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งไม่หลุด 1580 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดปิดทรงตัว แม้ว่าหุ้น BBL จะถ่วงตลาดจากข่าวว่า MSCI จะปรับลดน้ำหนักการลงทุนในBBL มีผลสิ้นก.ย.นี้ เนื่องจากสัดส่วนการถือครองของต่างชาติใน NVDR เกิน 35% ทำให้ราคาหุ้น BBL ในกระดานหลักและ BBL-F กระดานต่างประเทศร่วงลงแรง 2.3% และ 3.6% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงซื้อหุ้นหลักอื่นๆ เข้ามาชดเชย สำหรับ BBL เราเห็นว่าการปรับน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ให้ความสำคัญกับสภาพคล่องในการซื้อขายเป็นหลัก แต่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นถ้าหากแรงขาย BBL ออกมาพอสมควรจนราคาหุ้นเริ่มเสถียรแล้วก็สามารถเข้าไปซื้อลงทุนได้ ระยะสั้นมากเราประเมินว่าความคาดหวังว่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นงวดไตรมาส 3 (WindowDressing) & มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาในต้นเดือนต.ค.จะช่วยพยุงตลาด แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ผันผวนและเปราะบางจะทำให้ Sentiment การลงทุนในวันนี้ไม่ดีนัก ทั้งนี้เราได้ศึกษาการปรับขึ้น/ลงของ SET Index ในช่วงปี 2005-2014 พบว่าเดือนต.ค.-พ.ย.ตลาดจะทรงๆแล้วปรับขึ้นดีในเดือนธ.ค.ซึ่งมาจากแรงซื้อกองทุน LTF และความหวังว่าเศรษฐกิจในปีต่อไปจะดีกว่าปีปัจจุบัน (ดูรายละเอียดได้ใน Trading Strategyด้านใน) ในวันนี้หลักทรัพย์พื้นฐานที่เราแนะนำลงทุนเป็น CENTEL ซึ่งประเมินว่าธุรกิจโรงแรม & อาหารจะเริ่มฟื้นได้ตั้งแต่ 2H57 และเติบโตแกร่งในปี58 (ดูรายละเอียดเพิ่มใน Fundamental Pick วันนี้)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1580 จุดควรชะลอ/ลดพอร์ต โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550+/- จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1595-1600 จุด ส่วนหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ประกอบด้วย KKP, VIH, STPI, KAMART, SUPER, CENTEL, CGS, TMB, CGD, CWT (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ในList) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือ IRCP, GEL, BCP, ASP, IFEC หุ้นที่หลุด List ได้แก่ OFM,CPF, KTC
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอกว่าคาด & เปราะบาง โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลง 18.2% ในเดือนส.ค. (ลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์) เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนลดลงมาก,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์สิ้นสุด 20 ก.ย.เพิ่ม 12,000ราย แตะที่ 293,000 ราย, ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 58.5 ลดลงจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 59.5...คืนนี้ติดตาม GDP ขั้นสุดท้ายช่วง 2Q57 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายก.ย.จากรอยเตอร์/ม.มิชิแกน
- สถานการณ์ในรัสเซียตึงเครียดขึ้น โดยรัฐบาลรัสเซียตอบโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐ ยุโรป และประเทศพันธมิตร โดยยื่นร่างกฎหมายต่อรัฐสภาเพื่อขออนุมัติการยึดทรัพย์สินของต่างชาติที่อยู่ในรัสเซีย
- DJIA ดิ่ง 264.26 จุด หรือ -1.54% ดัชนี NASDAQ ลดลง 1.94%ดัชนี S&P500 ลดลง 1.62% ปัจจัยกดดัน คือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนส.ค.ที่ร่วงแรงถึง 18.2% และภาคแรงงานที่ยังเปราะบาง รวมถึง PMIภาคบริการก.ย.ลดลง
- สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ โดยในส่วนของ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 27 เซนต์ ปิดที่ 92.53 US$/bbl ด้านสัญญาของ BRENTส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 97 US$/bblโดยเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ผันผวน
• สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค.บวกเล็กน้อย 2.4US$ ปิดที่ 1,221.9 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
•/- ADB ปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ของไทยปี 57 ลงเป็น1.6% จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะโต 2.9% เพราะมองว่าส่งออกจะขยายได้1% เท่านั้น ส่วนปี 58 คาดว่าจะโต 4.5% (ประมาณการใหม่ไม่รวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมา)...ไม่ได้ Surprise ตลาดเพราะตัวเลขใกล้เคียงกับหลายสำนักวิจัยฯที่ออกมาก่อนหน้า รวมถึงDBS Group Research ที่ทำไว้ 1.6% และ 4.0% สำหรับปี 57-58
• สรุปผลคัดเลือกสปช.วันนี้ (26 ก.ย.) โดยคสช.จะเป็นผู้คัดเลือกสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) 250 คน (เป็นตัวแทนจังหวัด 77 คนและตัวแทนกลุ่มต่างๆ 173 คน) แล้วจะนำขึ้นทูลเกล้าภายใน 2 ต.ค.นี้
+ รัฐบาลจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นต.ค.นี้ นายกฯกล่าวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเน้นการเบิกจ่ายงบประมาณค้างท่อของปี 57 ราว 1 แสนล้านบาท, เร่งเบิกจ่ายงบไตรมาสแรกของปี 58, หนุนการส่งออก, จับจ่ายใช้สอย, ท่องเที่ยว, ปรับปรุงคุณภาพสินค้า, ก่อสร้าง
+ การลงทุนใน LTF ยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีถึงปี 59 โดยข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ระบุว่า ณ 19 ก.ย.57 กองทุน LTFทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 2.45 แสนล้านบาท (26.8% ของกองทุนหุ้นทั้งหมด และ 6.5% ของกองทุนทั้งหมด) ซึ่งเพิ่มจากสิ้นปี 56 ที่ 2.14 แสนล้านบาทแล้ว 0.31 แสนล้านบาท เราคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มเร่งตัวขึ้นในเดือนธ.ค. เพราะเป็นช่วงที่จะมีการซื้อกองทุน LTF กันอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่หนุนหรือพยุงตลาดหุ้นไทย
+ ตามสถิติย้อนหลัง 10 ปี...เดือนธ.ค.มีโอกาสหุ้นขึ้น จากการศึกษาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสำหรับ 4Q ย้อนหลังในช่วงปี 2005-2013 พบว่าในเดือนต.ค.-พ.ย.ตลาดหุ้นจะทรงๆ แล้วปรับขึ้นในเดือนธ.ค. ส่วนม.ค.จะเป็นเดือนที่มี Probability ว่าหุ้นจะลง 60%ส่วนเดือนที่มี Probability ว่าตลาดจะปรับขึ้นสูงถึง 70-80% คือ เดือนก.พ., เม.ย., ก.ค., ก.ย. และธ.ค. โดยเดือนก.พ.ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงที่สุด 3.5% (ดูเพิ่มใน Trading Strategy วันนี้)
+ DTAC ปรับแผนลงทุนให้ Aggressive มากขึ้น โดยจะลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ขยายโครงข่าย 3G บนคลื่น 850 MHz และ 2100 MHz รวมทั้ง4G LTE บน 2100 MHz ในกรุงเทพ ปริมณฑล และอีก 30 จังหวัดใหญ่คาดจะแล้วเสร็จภายในสิ้นมี.ค.58 ... เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับ DTACในการเร่งพัฒนาโครงข่ายและบริการ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มี Roomเติบโตสูง รวมทั้งเร่งโอนลูกค้า 2G มา 3G ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (จ่ายส่วนแบ่งกำไรทางการน้อยลง) คาดกำไรสุทธิปี 57-58เติบโต 24% และ 18% ตามลำดับ ให้ราคาพื้นฐาน 116 บาท คาดDividend Yield ปี 57-58 เท่ากับ 5% และ 6% ตามลำดับ
+ SPALI : คอนโดอีลีท พญาไทมียอดจองซื้อแล้วราว 80% ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 27-28 ก.ย.นี้...ความต้องการซื้อคอนโดในเมืองยังสูง แม้ราคาขายเริ่มต้นจะปรับขึ้นมาเป็นเลข 6 หลัก/ตรม.แล้วก็ตาม
- JAS : ก.ล.ต.แจ้งให้บริษัทแก้ไขงบการเงินงวดปี 56 และ 2Q57แล้วนำส่งภายใน 27 ต.ค.57 เพราะศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลล้มละลายกลางไม่เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ & ให้ยกเลิกคำสั่งฟื้นฟูกิจการของ JAS ซึ่งทำให้เจ้าหนี้กลับไปมีสิทธิเรียกร้องต่อบริษัทดังเดิมแต่ JAS ยังไม่ได้บันทึกภาระหนี้สินดังกล่าวไว้ในงบการเงิน...Wait & Seeการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน IFF ต้องใช้เวลา
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]