- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 March 2019 16:04
- Hits: 4428
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นฟื้นตัวต่อเนื่องหลังทิศทาง Flow ตลาดหุ้นของกลุ่ม นลท.ต่างขาติเริ่มหยุดขายวานนี้ บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น หนุนด้วยเข้าใกล้กำหนดวันเลือกตั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,645
Market Factors
• (+) แม้มีรายงานว่าจีนอาจไม่ทำตามข้อตกลงการค้าบางประเด็นกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นสัญญาณการเจรจากันอยู่เรื่อยๆ โดยในวันที่ 25 มี.ค. ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ จะบินไปเจรจากับจีนอีกครั้งคาดการเจรจาอาจมีความคืบหน้ามากขึ้น
• (watch) จับตาการประชุม FED เป็นวันที่ 2 เพื่อหาสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยตลาดคาดว่าFED จะคงอัตราดอดเบี้ยในปีนี้
• (+) หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่น เดือน ก.พ. 62 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 48.5 โดยภาพรวมยังมั่นใจเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ผลจากการเลือกตั้ง การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว และแนวโน้มสินค้าเกษตรดีขึ้น อย่างไรก็ดี จับตาความกังวลค่าครองชีพ และความคืบหน้าสงครามการค้าสหรัฐ-จีน (ประชาชาติธุรกิจ)
• (+) มติ ครม.วานนี้ เห็นชอบจัดสรรงบประมาณ 37,900 ลบ.เข้ากองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล และค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงการอนุมัติวงเงิน 2,932 ลบ.ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการน้ำที่เพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 14,686ลบ. โดยเมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อหุ้น 601.65 ล้านบาท หลังขายติดต่อกัน 3 วันทำการ
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้มอง SET Index ได้อานิสงส์จากมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน เพราะเข้าใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายของวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. นี้คาดจะทำให้ลดความกังวล Political Risk พร้อมกับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น หนุนให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้น ดังนั้นมอง SET Index มีแรงซื้อกลับในช่วงปลายเดือนมองภาพรายเดือนดัชนีมีแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง: กลุ่มค้าปลีก (มองได้อานิสงส์บวกจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคการเมืองหลักทั้ง 4 นำมาใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของค่าแรงขั้นต่ำใหม่สูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 330 บาทต่อวัน ราว 25-26.9% คาดหนุนกำลังซื้อกลุ่ม รากหญ้าให้ปรับตัวดีขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ CPALL, AEONTS), กลุ่มท่องเที่ยว (คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AAV, AOT, PLAT)และกลุ่มสื่อ (คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. ได้แก่ กลุ่มดิจิตอลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 64.8%) แนะนำ RS, BEC และกลุ่ม Out of Home (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 13.7%) แนะนำ VGI
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62 เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVDปี 62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
19-Mar-19 Change (pts.) 18-Mar-19
SET Index 1,630.09 12.52 1,617.57
SET50 Index 1,084.30 9.67 1,074.63
SET100 Index 2,388.01 20.73 2,367.28
High 1,633.26 Gainers 867
Low 1,617.01 Unchanged 436
Value (Bt m) 38,474.99 Losers 501
Volume (*000) 13,554,993
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.8 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 7.4
EV/EBITDA (x) 9.9 9.3 9.1
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.9
ROE 11.5 11.7 11.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 19-Mar-19 WTD MTD YTD
Institution (274.37) (97.04) 351.27 27,114.60
Proprietary 867.57 14.14 (232.60) 3,713.01
Foreign 601.65 (414.80) (14,685.97) (11,374.49)
Individual (1,194.85) 497.70 14,567.29 (19,453.12)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary