- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 March 2019 16:28
- Hits: 3481
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“คาดเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่แรงขายต่างชาติกดดัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : AP (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -8.00 จุด ปิดที่ 1617.57 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงที่ 38.5 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราย่ำแย่กว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ซึ่งบวกกันถ้วนหน้า จากข่าวความคืบหน้าเจรจาการค้า แสดงว่าเป็นปัจจัยลบเฉพาะไทย คาดว่านักลงทุนขายก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะออกมา โดยเฉพาะต่างชาติขายต่อเนื่อง สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 1.0 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.9 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 1.7 พันลบ.และสถาบัน 0.2 พันลบ. ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิแล้ว 11.98 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET ได้ปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศคือ ดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้นได้ แนวโน้มการประชุมเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ปัจจัยกดดันยังเป็นต่างชาติขายต่อเนื่อง ตลาดรอดูผลการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่มได้เล็กน้อย
# ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ติดตามผลการประชุม FOMC รวมถึงตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ และ Dot Plot ชุดใหม่ของเฟด (19-20 มี.ค.), การพิจารณาข้อตกลง BREXIT รวมถึงประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ล่าสุดอาจบรรลุข้อตกลงได้ใน 3-4 สัปดาห์หน้า ช่วงปลายเดือนนี้ มีประเด็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก MSCI มาช่วย และ SET ปรับลงมาจนมาถึงระดับ P/E ปี 62 ที่ถูกเป็น 15.4 เท่า
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1625-1630 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1610,1580 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD ที่ P/E 16.7 เท่า) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่+8% y-o-y แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHAหุ้นเด่น NWR : หลังปี 61 ฟื้นตัวพลิกมาเป็นกำไรหลัก (Core Profit) 108 ล้านบาท จากปี 60 ขาดทุน 154 ล้านบาท คาดว่าปี 62-63 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 7ปีที่กำไรหลัก 152/177 ล้านบาท โต 41%/16% ธุรกิจรับเหมาฯและ แอ็ดวานซ์ พรีแฟบหนุน คาดกำไร 1Q62 น่าประทับใจมาก อีกทั้งมีโอกาสจะทำกำไรได้ดีกว่าคาดอีก หาก 1) ประมูลงานปีนี้ได้สูง และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นมากกว่าสมมุติฐาน คงคำแนะนำ ซื้อ กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 1.07 บาท และรับปันผลปี 61 สูง 0.04 บาทอัตราผลตอบแทนมากถึง 4.7%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่การลงต่อเนื่อง (และอยู่ใกล้“แนวรับย่อย”) ทำให้มีโอกาสรีบาวด์ฯสั้นๆตามมาได้ แนวต้าน (กรณี“รีบาวด์ฯ”ก่อน) 1625 – 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวรับย่อย “1610 (หรือ 1580 – 1570”}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ SAWAD,TQM หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GOLD,BBL,KTC,BGRIM,PLANB,RATCH หุ้นที่หลุด List INTUCH,FPT,M,MEGA ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี-
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : AP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 7.10)
BEM (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.80)
Stock in Focus : AOT (ราคาปิด 67 บาท) : เลื่อนขายซองดิวตี้ฟรี
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: หุ้นกลุ่มธนาคารและเทคโนโลยีหนุตตลาดหุ้นนิวยอร์ค
# ปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นซิตี้กรุ๊ปนั้น มาจากรายงานที่ว่า ธนาคารทั้ง 2 แห่งมีส่วนสนับสนุนการเจรจาควบรวมกิจการระหว่างดอยซ์แบงก์และคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็น 2 ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี
# หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 1.02% หลังจากแอปเปิลประกาศเปิดตัว iPad Air ขนาด 10.5 นิ้วเมื่อวานนี้ พร้อมกับอัพเดท iPad Mini ขนาด 7.9 นิ้ว ก่อนงานอีเวนท์ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 มี.ค. ที่เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งคาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัวบริการโทรทัศน์และวิดีโอ เพื่อแข่งกับคู่แข่งอย่างเน็ตฟลิกซ์ และอเมซอน
# แต่หุ้นโบอิ้งและเฟซบุ๊กกลับลดลง เป็นตัวบั่นทอนตลาด
+ สหรัฐ: คาดการณ์ประชุมเฟด คงอัตราดอกเบี้ย แต่ยังต้องติดตามถ้อยแถลง
# นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค. เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น หุ้นธนาคารและเทคโนโลยีช่วยดัน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,914.10 จุด เพิ่มขึ้น 65.23 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,832.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,714.48 จุด เพิ่มขึ้น 25.95 จุด หรือ +0.34%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นโบอิ้งและหุ้นเฟซบุ๊กเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น ผู้ผลิตน้ำมันส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 59.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง เข้าหาตลาดหุ้นแทน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่1,301.50 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต,ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
• การเมืองไทย: กังวลคะแนนเสียงที่จะออกมาและพรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่ต้องการร่วมพรรคกัน
# กังวลพรรคการเมืองขนาดใหญ่มีผลคะแนนที่ไม่ชนะขาด อาจทำให้รัฐบาลผสมไม่มีเสถียรภาพ ยิ่งมีพรรคขนาดใหญ่ไม่ประกาศร่วมรัฐบาลกันชัดเจน เช่น ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ เป็นต้น
• จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. (20 มี.ค.) คาดว่ายังไม่ปรับขึ้นในขณะนี้
# นักเศรษฐศาสตร์ระบุประตูการขึ้นดอกเบี้ย เริ่มแคบลง "ประสาร" ชี้ดอกเบี้ย นโยบายไม่จำเป็นต้องรีบขึ้น หลังธนาคารกลางหลักของโลกส่งสัญญาณผ่อนคลาย ขณะนักเศรษฐศาสตร์ ประเมินประตูการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มแคบลง เหตุหลายปัจจัยไม่เอื้อ แต่ยังเชื่อปลายปีมีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
# ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.62 ของไทย, กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ และปัจจัยการเมืองในประเทศ
+ ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.พ.2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.พ.2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับ 45.7 จากเดิมที่ระดับ 45.5 ในเดือน ม.ค.2562 จากความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากครัวเรือนบางส่วนปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนไปในทิศทางที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]