WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นฟื้นตัว จากประเด็นบวกการเลือกตั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,640
Market Factors
•          (watch) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯจีนมีความคืบหน้าแต่ยังไม่มีรายละเอียดจากการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีของจีนนายหลิวเหอและรมว.คลังนายสตีเวนมนูชินและผู้แทนการค้าสหรัฐฯนายโรเบิร์ตไลท์ไฮเซอร์
•          (-) นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีกรุ๊ป แอซเซ็ท เผยว่าผลจากมาตรการ LTV ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ส่งผลหลายสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าในช่วง 2 เดือนแรกมีการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์กว่า 50% พร้อมคาดสถานการณ์เสี่ยงต่อการการเกิดสงครามราคาตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป (โพสต์ทูเดย์)
•          (+) ธกส.เตรียมออกมาตรการช่วยเกษตรกรบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ให้จ่ายดอกเบี้ยเพียง 30% ผ่อนจ่ายได้นาน 3 ปี เพิ่มเติมจากเดิมที่มีโครงการพักชระเงินต้น และลดดอกเบี้ยให้อยู่แล้ว รวมวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
•        (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน  Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 14,271.15 ลบ.
Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้มอง SET Index ได้อานิสงส์จากมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน เพราะเข้าใกล้ช่วงโค้งสุดท้ายของวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. นี้คาดจะทำให้ลดความกังวล Political Risk พร้อมกับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น หนุนให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้น ดังนั้นมอง SET Index มีแรงซื้อกลับในช่วงปลายเดือนมองภาพรายเดือนดัชนีมีแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
•    กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง: กลุ่มค้าปลีก (คาดหลังเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอันดับต้นๆ มองอานิสงส์บวกดังกล่าวหนุนกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่มากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ BJC, CPALL), กลุ่มท่องเที่ยว (คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AAV, AOT) และกลุ่มสื่อ (คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. ได้แก่ กลุ่มดิจิตอลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 64.8%) แนะนำ BEC และกลุ่ม Out of Home (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 13.7%) แนะนำ VGI
•    Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น, TVD ปี62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 
•    กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic  รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
 
15-Mar-19    Change (pts.)    14-Mar-19
SET Index    1,625.57    -10.31    1,635.88
SET50 Index    1,080.01    -7.11    1,087.12
SET100 Index    2,380.23    -15.27    2,395.50
  
High    1,639.10    Gainers       349 
Low    1,625.41    Unchanged    453
Value (Bt m)    49,860.05    Losers  1,006 
Volume (*000)    13,571,884          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.8    13.5    13.5
EPS Growth (%)    13.9    9.3    7.4
EV/EBITDA (x)    9.9    9.3    9.0
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.3    3.5    3.9
ROE    11.5    11.7    11.4
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    15-Mar-19    WTD    MTD    YTD
Institution    (787.38)    1,283.60    448.32    27,211.65
Proprietary    314.56    656.10    (246.74)    3,698.86
Foreign     (2,350.16)    (5,410.58)    (14,271.17)    (10,959.68)
Individual    2,822.98    3,470.88    14,069.59    (19,950.82)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!