- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 March 2019 16:12
- Hits: 1744
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นฟื้นตัว แม้ภาพFlow ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายต่อวานนี้ แต่ปัจจุบัน Consensus ลดขนาดการปรับลดคาดการณ์ EPS ของ SET Index ลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า บวกกับ Sentiment ในประเทศเป็นบวกทั้งจากตัวเลขเศรษฐกิจ และ Event การเลือกตั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,645
Market Factors
• (watch) รัฐสภาอังกฤษมีมติ412 ต่อ202 เสียงเห็นชอบเลื่อนBrexitออกไปอีก3 เดือนจากวันที่29 มี.ค. เป็นวันที่30 มิ.ย. อย่างไรก็ดีจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก EU ต่อไป
• (-) การเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิปดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์ และประธานาธิบดีจีน นายสีจิ้งผิงมีโอกาสเลื่อนไปอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้าหรือช่วงต้นเดือน เม.ย. หลังก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าจะมีการเจรจากันในช่วงปลายเดือน มี.ค.
• (+) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภาพรวมรายได้ของเกษตรกร วัดจากดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนกุมภาพันธ์ 62 เพิ่มขึ้น 3.89% YoY ผลมาจากดัชนีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.65% โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้านาปี มันสำปะหลัง และสุกร (อินโฟเควสท์)
• (watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และเดือน ก.พ. 62 ขายสุทธิ 3,410.15 ลบ. ส่วน Month to date ต่างชาติขายสุทธิ 11,920.99 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์หน้ามอง SET Index แกว่งขึ้น มองการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของ Consensusจะชะลอลง โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ได้ปรับลดประมาณการ EPS ของSET Index ปี 62 เหลือเพียง 109.93 บาท ลดลง 4.33%Year To Date อย่างไรก็ดีจากข้อมูลเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง (ปี 2552-2561) พบว่าค่าเฉลี่ยของ Consensus จะปรับลดคาดการณ์กำไร %MoM ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. และปรับลดด้วยขนาดที่ลดลงในเดือน มี.ค. พร้อมกับกลับมามีมุมมองเชิงบวกในช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. บวกกับโค้งสุดท้ายของวันเลือกตั้งในช่วง 24 มี.ค. นี้คาดจะทำให้มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่กังวล Political Risk ของประเทศไทยจะลดลง พร้อมกับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้นคาดส่งผลให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้น ดังนั้นมอง SET Index จะหยุดการปรับตัวลงในสัปดาห์นี้และช่วงปลายเดือนมีโอกาสเห็น SET Index พลิกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งมองภาพรายเดือนดัชนีมีแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,675 จุด มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง: กลุ่มค้าปลีก (คาดหลังเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลใหม่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอันดับต้นๆ มองอานิสงส์บวกดังกล่าวหนุนกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่มากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ ROBINS และ CPALL), กลุ่มท่องเที่ยว (คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AOT)และกลุ่มสื่อ (คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค. ได้แก่ กลุ่มดิจิตอลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 64.6%) แนะนำ RS และกลุ่ม Out of Home (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค. เป็น 13.5%) แนะนำ VGI
• Turnaround Stock: โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 61 ชะลอลงแต่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62เลือก TKS (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 29.8%YoY จากงานบัตรเลือกตั้งและการเพิ่มสินค้าและบริการด้านนวัตกรรม + แนวโน้มสดใส นอกจากนี้มี Upside Risk หากได้งาน E-Passport), TWPC (ปี 62 คาดกำไรโตเด่น 146.6%YoY จากแผน Inorganic Growth และสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มดีขึ้น), BEC (คาดเห็นการ Turnaround ของกำไรตั้งแต่ช่วง 1Q62 โดยมีปัจจัยบวกหลักจาก 1) ไม่มี One-time expense ที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างพนักงาน 2) Rating เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากเพียง 1.108 ในเดือน ธ.ค. เป็น 1.292 ในช่วงเดือน ก.พ. หลังละคร “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” และ “ตุ๊กตาผี” ได้รับความนิยมสูง 3) เม็ดเงินโฆษณาของสื่อทีวีในเดือน ม.ค. ปรับขึ้น 3.25%YoY สวนทางอุตสาหกรรม), TVD ปี 62 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YoYแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ลบ. และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ลบ. ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลักจากการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience โดยผสมผสานการทำตลาดผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
14-Mar-19 Change (pts.) 13-Mar-19
SET Index 1,635.88 -3.79 1,639.67
SET50 Index 1,087.12 -1.98 1,089.10
SET100 Index 2,395.50 -4.98 2,400.48
High 1,643.56 Gainers 495
Low 1,634.70 Unchanged 533
Value (Bt m) 38,219.30 Losers 766
Volume (*000) 12,728,269
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.9 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 7.4
EV/EBITDA (x) 9.9 9.3 9.1
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.9
ROE 11.5 11.7 11.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 14-Mar-19 WTD MTD YTD
Institution 1,871.29 2,070.98 1,235.70 27,999.03
Proprietary 276.70 341.53 (561.30) 3,384.30
Foreign (1,963.42) (3,060.41) (11,921.00) (8,609.52)
Individual (184.57) 647.90 11,246.61 (22,773.80)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary