- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 March 2019 16:07
- Hits: 1329
บล.กรุงศรี : Money Wizard
Money Wizard
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลง -3.79 จุด (-0.23%) ปิดที่ 1,636 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจาก FSTE rebalance ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นเป็น 1.87% รวมถึงรัฐสภาอังกฤษมีมติไม่เห็นชอบต่อการ Brexit แบบ No deal แต่ดัชนีถูกแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันหลังจากดีดตัวขึ้นแรงเมื่อวันก่อนส่งผลให้ดัชนีอ่อนตัวลง ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นขายสุทธิ 1,963 ล้านบาท และ Net Short TFEX 20,451 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 760 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลางคาดดัชนีแกว่งตัว 1,630 - 1,645 จุด โดยภาวะตลาดได้ประเด็นบวกจากรัฐสภาอังกฤษมีมติเรียกร้องให้ EU ขยายเวลาการแยกตัว (BREXIT) ออกไปอีก 3 เดือนจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. รวมถึง FTSE rebalance เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นจาก 1.83% เป็น 1.87% (มีผลเย็นนี้ 15 มี.ค.) อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนกลับมาอีกครั้ง หลังมีข่าวว่าจีนและสหรัฐเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดระหว่างปธน. ทรัมป์กับปธน. สีจิ้นผิงออกไปเป็นเดือนหน้า ประกอบกับ Fund Flow ต่างชาติวานนี้พลิกเป็น Net Sell และ Short TFEX จำนวนมากจะกดดันต่อภาวะการลงทุนให้ผันผวนสูง
กลยุทธ์การลงทุน :
• กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบ 1Q19 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain
• กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
• กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้ : CPALL (ปิด 77.25 ซื้อ/เป้า 88) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หนุนประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ CPALL ยังได้ Sentiment บวกจากนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ชูนโยบายปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มอำนาจซื้อให้กับประชาชน ยังมี Growth story จากโอกาสได้สิทธิเปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว, PLANB (ปิด 6.45 ซื้อ/เป้า 7) ราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับกลุ่ม โดย YTD ราคาหุ้น PLANB ปรับขึ้นเพียง 5% ขณะที่กลุ่ม Media ปรับขึ้น 9% กลุ่ม Media เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้ Sentiment บวกจากนโยบายหาเสียงในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและนโยบายลดภาษี Income tax โดยคาดผู้ประกอบการจะเพิ่มงบโฆษนาเพื่อดึงดูดกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น
Top picks ปี 1Q19 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS
KSS report วันนี้ : ROBINS (ปิด 62.75 ซื้อ/เป้าใหม่ 72 จาก 76)
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
• (+) ตามคาด รัฐสภาอังกฤษลงคะแนนเสียง 412-202 เรียกร้องขยายเส้นตาย Brexit ออกไป 3 เดือน ช่วยคลายกังวลต่อภาวะ Hard Brexit : เมื่อคืนที่ผ่านมาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 412-202 เสียง เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเส้นตาย Brexit ออกไปอีก 3 เดือน จากเดิม 29 มี.ค. เป็น 30 มิ.ย. ลำดับถัดไปรัฐบาลอังกฤษจะต้องยื่นเรื่องต่อ EU เพื่อขอเลื่อนกำหนดเส้นตาย โดยสมาชิกของ EU ซึ่งมีทั้งหมด 27 ประเทศจะต้องให้ความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อการขยายกำหนดเส้นตาย เบื้องต้นคาดการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 21-22 มี.ค. 19
• (-) เจรจาจีน – สหรัฐ ยังไม่นิ่ง หลังมีกระแสข่าวทั้ง 2 ประเทศเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำออกไปเป็นเดือนหน้าจากเดิมกำหนดไว้ในเดือนนี้ : ปัจจุบัน สหรัฐ และจีนยังไม่กำหนดวันประชุมอย่างเป็นทางการระหว่าง ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้ตลาดเริ่มกังวลถึงความไม่คืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมีกระแสข่าวว่าจีนและสหรัฐเตรียมเลื่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกไปเป็นเดือนหน้า จากเดิมกำหนดไว้ในช่วงปลายเดือน มี.ค. ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณเตือนว่า เขาพร้อมที่จะเดินออกจากที่ประชุมได้ทันที หากรู้ว่าไม่มีทางที่จะบรรลุข้อตกลง เหมือนที่เขาได้ทำมาแล้วในการประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนือที่เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว
• (+/-) พรรคการเมืองชูนโยบาย เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ผลักดันราคาสินค้า เป็นลบต่อแนวโน้มผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน แต่เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก : การเมืองไทยเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทำให้พรรคการเมืองเดินหน้าชูนโยบายที่เป็นหมัดเด็ดเพื่อเรียกคะแนนเสียง โดยล่าสุด พรรค พปชร.ประกาศนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท จาก 325 -340 บาท และปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีขึ้นเป็นเดือนละ 2 หมื่นบาท จากเดิม 1.5 หมื่นบาท และอาชีวะให้เงินเดือน 1.8 หมื่นบาท จากเดิม 1.0-1.5 หมื่นบาท รวมไปถึงนโยบายภาษี Income tax โดยนโยบายดังกล่าวถือเป็นสัญญาณลบต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้แรงงานจำนวนมากอาทิ กลุ่มเกษตร, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มร้านอาหารและบริการ และ กลุ่มธุรกิจ SME แต่อำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม ค้าปลีก และ กลุ่มสื่อโฆษณา
• (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม : วันนี้ติดตาม BoJ meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% ตามเดิม ขณะที่ FTSE จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยโดยใช้ราคาปิด ณ วันนี้ ส่วนสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมธนาคารกลางของหลายประเทศ อาทิ 20 มี.ค.ประชุม กนง.และ Fed meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% และ 2.5% ตามเดิม
นักวิเคราห์ ปัจจัยพื้นฐาน : อาทิตย์ จัทร์สว่าง Registration No.16475
นักวิเคราะห์ เทคนิค และนักกลยุทธ์ : ชัยยศ จิวางกูร Registration No.15942
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ : ยุภาวณี เล้าตระกูชัย ณัฐกานต์ โพธิ์ศรี