(+) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐนเมื่อคืน หลายตัว ดีกว่าตลาดคาด ส่งผลให้ ตลาดเริ่มคลายกังวล ประเด็นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดูตารางคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐด้านในฉบับ (ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน +0.4% VS.คาด -0.6%, ดัชนีฯราคาผู้ผลิต +0.1% ต่ำคาด 0.2% หนุนโอกาสในการยุติ ขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น)

          (+) FTSE เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จาก 1.83% สู่ระดับ 1.87% โดยหุ้นเข้าคำนวณ Large Cap Index ได้แก่ HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF ส่วนหุ้นเข้า Mid cap index ได้แก่ MTC, GPSC มีผลวันที่ 15 มี.ค. / และ สัปดาห์หน้า MSCI จะพิจารณานำกระดาน NVDR มารวมคำนวณในดัชนีฯ MSCI Thailand / รอลุ้นถ้ารวมคำนวณจริงคาด น้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จาก 2.5% 

 

          JMART พลิกโฉม การให้บริการทางการเงินแห่งโลกอนาคต (ดุรายงานวันนี้)

          Weekly port ถอด CBG เพิ่ม WORK 

 

 

BULL RACE: "JMART" ผู้ให้บริการทางการเงินแห่งโลกอนาคต 

          เรากลับมาแนะนำให้ ซื้อ JMART ในรายงาน "Bull Race" เพราะหลังจากที่ราคาหุ้นโดน drawdown หนักจากผลประกอบการที่ขาดทุนในปีที่แล้ว ปีนี้เราคาด JMART จะพลิกฟอร์ม กลับมาโชว์กำไรแข็งแกร่งอีกครั้ง จากธุรกิจเดิมในเครือทั้งหมด โดยเฉพาะ JMT เราเห็น จุดเปลี่ยนอนาคต ของ JMART กับธุรกิจ "การให้บริการด้านการเงิน"

          ประเด็นสำคัญที่จะผลักดัน กำไร JMART ในปีนี้ให้ Turn around กลับขึ้นไปอยู่ในระดับ 400 ล้านบาท ได้   อีกครั้ง และ เราคาดจะหนุนให้ราคาหุ้น จากนี้ไป Outperform ตลาด... เรากลับมาเริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ JMART ด้วย (1)  Earnings มี Downside risk ต่ำ 2) กำไรปีนี้ สะท้อน PE เพียง 14 เท่า เราประเมินราคา เหมาะสม 11 บาท อิง PE ค่าเฉลี่ยในอดีต 20 เท่า 

 

Residential Property: February doldrums, quiet Apr-May 

          ตัวเลขการเปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงตามคาด โดยจำนวนยูนิตที่เปิดตัวลดลง 9%MoM มาเป็น 7.8 พันยูนิต (แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น) นอกจากนี้ take-up rate ลดลงเช่นกัน เหลือเพียง 30% เท่านั้น สำหรับเดือนมีนาคมเราคาการเปิดตัวจะมากขึ้นแต่จะลดลงอย่างมีนัยยะในในเดือน เม.ย.-พ.ค. เพราะการเริ่มใช้มาตรการ LTV ใหม่ เทศกาลสงกรานต์ และพระราชพิธ๊ เราคงแนะนำ Underweight กลุ่มบ้าน 

 

IVL: Heading toward the peak of high season; good future prospects 

          โพลีเอสเตอร์โซ่ไฮซีซั่นได้เริ่มขึ้น! หนุนส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และการเติบโตของปริมาณจะช่วยหนุนกำไรหลัก QoQ ตลอด 1H19 นอกจากนี้ up-cucle ของห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์และการเพิ่มสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงจะหนุนกำไรของ IVL ในระยะยาง (และการเข้าซื้อกิจการในอนาคตจะเพิ่มอัพไซด์ของกำไรสุทธิได้)หุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2019 เพียง 9.3 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 16.5 เท่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 80 บาท 

 

BGRIM เข้าถือหุ้น 100% ในโครงการ SPP1 

          BGRIM แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นของ GLOW SPP1 ด้วยสัดส่วนการลงทุน 100% (มูลค่าซื้อขายรวม 3.3 พันล้านบาท)  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้น เราคาดว่าจะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหลัก 1Q19 ของเราราว 10 ล้านบาท และคิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณกำไรหลักปี 2019 ของเราที่ 180 ล้านบาท และต่อราคาเปาหมาย ณ สิ้นปี 2019 ของเราอีกราว 1 บาทต่อหุ้น ข่าวดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น BGRIM ในระยะสั้น เนื่องจากการเข้าซื้อ SPP1 จะทำให้ consensus มีการปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้น 

          BGRIM (ซื้อ; ราคาเปาหมาย 35 บาท) ยังคงเป็น Top pick ในกลุ่มโรงไฟฟา 

 

SEAFCO ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day 

          บริษัทมี Backlog 2.3 พันล้านบาท คาดจะรับรู้ทั้งหมดภายในเดือนก.ค.ปีนี้ ผู้บริหารมองเปาหมายรายได้ปีนี้มากกว่า 3.0 พันล้านบาท อัตรากำไรในครึ่งปีแรกคาดยังอยู่ในระดับที่สูงเหมือนปีที่แล้ว เพราะเป็นโครงการที่รับรู้รายได้ต่อเนื่องมา อย่างไรก็ดีสำหรับครึ่งปีหลังยังคงต้องรอดูงานที่รับเข้ามาใหม่ว่ามาร์จิ้นจะเป็นอย่างไร การชะลอตัวของโครงการคอนโดต่างๆ แทบไม่ได้กระทบต่อบริษัท แม้ราคาหุ้นจะลงมาตามที่เราแนะนำขายแล้ว เรามองว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะกลับเข้าไปซื้อสำหรับนักลงทุนระยะสั้นเพราะกำไรที่กำลังจะผ่านจุดที่ดีที่สุด และ Backlog ใหม่ที่เราคาดจะเข้ามาไม่ทัน จะทำให้หุ้นโดน De-rate valuation ในระยะสั้น 

 

Quantitative Strategy: ภาพระยะกลางของตลาดแย่ลง 

          ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับลง 1.5% สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ เราเชื่อว่าตลาดน่าจะยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจาก 1) ค่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะสูงขึ้นทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งเป็นสัญญาณลบต่อตลาดหุ้น 2) ดัชนีชี้วัดความต้องการรับความเสี่ยง (Risk Demand Index) ปรับตัวลงจากระดับ Over-optimistic และยังไม่ถึงโซนกลับตัว ดังนั้นนักลงทุนมักจะอ่อนไหวหากมีข่าวร้ายเข้ามาในตลาด ซึ่งจะทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum) ก็กำลังปรับตัวลงเข้าสู่แดนลบ 3) ดัชนีชี้วัดภาพระยะกลางของตลาดแย่ลงเนื่องจากทั้งดัชนี Medium-term Bull-to-Bear และดัขนี Volume Flow อ่อนแอลง กล่าวโดยรวม เครื่องมือชี้วัดเชิงปริมาณแย่ลงเมื่อเทียบกับช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ดังนั้นตลาดห้นไทยมีแนวโน้มจะยังคงผันผวนในเดือนมีนาคม หุ้นที่เพิ่มเข้าพอร์ต: SAWAD 

 

 

(+) AAV  ซึ่งเป็นเครื่อง Air bus จะได้ประโยชน์จากคำสั่ง กพท.ครั้งนี้:  

          กพท. ผวา สั่ง "ไทยไลอ้อนแอร์" ยุติทำการบินโดยใช้เครื่องบินโบอิ้ง737 MAX 9 ทุกเส้นทาง 7 วัน ตั้งแต่ 14-20 มี.ค. ระบุ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร หลังเครื่องรุ่นนี้ตก 2 ครั้งไล่เลี่ยกัน ในระยะเวลาไม่ถึง 5 เดือน ขณะที่ บริษัท โบอิ้ง ผู้ผลิต ยังไร้คำชี้แจงถึงสาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ด้าน สายการบิน "นกแอร์" ขอดูการแก้ปัญหาของ บริษัท โบอิ้ง ก่อน ชี้ หากแก้ไม่ได้ ส่อยกเลิกซื้อโบอิ้ง 737 MAX 8 (ที่มา เดลินิวส์) 

          (*/-) AOT  หวั่นฮั้วประมูลดิวตี้ฟรี ACT หรือองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จี้นายกฯใช้ข้อตกลงคุณธรรม-ทอท. ย้ำเปิดทางรายเดียวคุม 4 สนามบินจูงใจ (ที่มา เดลินิวส์) 

          (+) นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มองว่าจะเข้ามาสานนโยบายต่อ และผลักดันความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้วางแนวทางหลายด้านที่ดีให้แก่ประเทศ หากเดินตามรากฐานที่วางไว้ จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เกิดการพัฒนาประเทศในภาพรวม และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติได้ คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4% และส่งผลให้สินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 4-6% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.4% (ที่มา เดลินิวส์) 

          (*) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงแผนกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 62-64 ว่า ในวันที่ 27 มี.ค. นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเชิญภาครัฐ,หน่วยงานกำกับดูแล, ธนาคารพาณิชย์, บล., บลจ., ผู้ระดมทุน และฟินเทค ร่วมรับฟังแนวคิดและแลกเปลี่ยนมุมมองการพัฒนาตลาดทุนแห่งอนาคต เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของการลงทุนเป็นดิจิทัลทั้งหมด เช่น การแปลงหุ้นที่มีอยู่ให้เป็นโทเคน เพื่อให้ราคาหุ้นมีขนาดเล็กลงแทนการแตกพาร์เดิม รวมถึงนำหุ้นจากต่างประเทศมาทำการซื้อขาย หรือนำการวิจัยและพัฒนาที่มีประสิทธิภาพมาแปลงเป็นโทเคน เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายขึ้น (ที่มา เดลินิวส์) 

          (+) กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน(ERS) จัด "ดีเบต...ส่องนโยบายพลังงาน#เลือกตั้ง" ที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคมีนโยบายสนับสนุนพืชพลังงาน 4 ชนิด เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์และในการผลิตไฟฟา ได้แก่ ข้าว ปาล์ม มันสำปะหลัง และอ้อย ทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล เป็นแนวทางการแก้ปัญหาความยากจน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ ตั้งเปาใช้พืชพลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟาในสัดส่วน 100% ภายใน 4 ปี โดยให้บริษัท ปตท. เป็นหน่วยงานหลักในการนำพืชพลังงานจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน (ที่มา แนวหน้า) 

 

          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 

 

SET Index ปิด 1639.67 (+0.74%)  มูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท 

 

          SET Index แนวรับ 1,635 แนวต้าน 1,645 / SET100 รับ 2,395 ต้าน 2,410 

          BSET100 รับ 10.45 ต้าน 10.55 / BMSCITH รับ 12.45 ต้าน 12.50

 

Topic: "Moving average" การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเพื่อหาแนวรับ-ต้าน 

          มุมมองตลาด: เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Moving Average บอกถึงแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น บอกจุดเปลี่ยนแนวโน้มเพื่อเป็นสัญญาณซื้อขายรวมถึงแนวรับ-แนวต้าน ส่วนใหญ่นิยมใช้ Simple moving average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) โดยเลือกใช้ SMA เนื่องจากตรงกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน จากชาร์ตพบว่าเส้นค่าเฉลี่ย 75-days SMA แสดงจุดรับที่ 1620 จุด ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 และ 200 วันให้จุดต้านที่ 1640 และ 1660 จุดตามลำดับ กรณีดัชนีทะลุแนวรับ-ต้านจะบ่งชี้การเปลี่ยนแปลง เรายังคงให้นำหนักไปในทิศทางดีดตัวขึ้นจากแนวรับ 

          กลยุทธ์: แนวโน้มตลาดส่งสัญญาณฟืนตัวจากแนวรับ 1620 จุด และกำลังทดสอบแนวต้านแรก 1640 จุด ได้ คาดว่าผ่านได้ไม่ยาก มองแนวต้านถัดไป 1660 จุด 

          วิธีการเลือกหุ้น: เราเลือกใช้ parameter ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน เช่น หุ้นเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป Oversold ราคาฟืนตัวกลับจากแนวรับและใช้เครื่องมือทางเทคนิคจับสัญญาณซื้อ-ขาย 

          Bull signal:  BCH, SAWAD, WORK  

          Bear signal: IVL, TOP, BGC  (breakdown 5&25 days EMA)  

          Portfolio: PRM, BJC, BEAUTY, TRUE, SAMART, MAKRO, BCH, CPF, KTC, CENTEL 

 

BCH 

          แนะนำ ซื้อ 

          รับ  16.20  

          ต้าน 17.50/18.00