- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 March 2019 22:25
- Hits: 1905
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“คว่ำข้อตกลง Brexit-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐต่ำ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +0.16 จุด ปิดที่ 1627.59 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 37.2 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคแถบนี้ แม้วานนี้ปัจจัยต่างประเทศดีขึ้น ทั้งดาวโจนส์ ดาวโจนส์ล่วงหน้าและน้ำมันดิบปรับขึ้น แต่ตลาดฯรอผลการลงมติ Brexit รวมทั้งแรงขายสุทธิต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศ ดัชนีฯจึงไปได้ไม่ไกล สำหรับผู้ขายสุทธิเป็นต่างชาติ 1.0 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.4 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 1.2 พันลบ.และสถาบัน 0.2 พันลบ. สำหรับนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติเป็นขายสุทธิ 6.9 พันล้านบาท หุ้นปรับลง 43% ไม่เปลี่ยนแปลง 27% และปรับขึ้น 30% ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET Sideways จากปัจจัยต่างประเทศเรื่อง Brexit ในที่สุดสภาฯได้คว่ำร่างที่นายก เมย์เสนอ วันนี้ต้องติดตามการลงมติว่าจะออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลงไหม ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อไป ส่วนดาวโจนส์และดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง ตลาดเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เปิดมาปรับลง
# สำหรับปัจจัยบวกคือ อัตราเงินเฟ้อ ก.พ.สหรัฐออกมาต่ำ คาดว่าเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย ราคาน้ำมันปรับขึ้น เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงมาเป็น 2.6132% รวมทั้งดัชนีความกังวล (VIX) อ่อนตัวลงมาที่ระดับ 13.77 จุด
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1635-1640 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1620,1610 จุด ไม่ควรคาดหวังผลตอบแทนสูง ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม โดยมีดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1750 จุด (+0.9 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของตลาดฯปี 62 ที่ +8% y-o-yแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
หุ้นเด่น ERW : ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน กลับมาบวกทั้ง ธ.ค.61-ม.ค.62 ในอัตรา +2.8% และ +10.3%
ตามลำดับ หลังจากติดลบมา 5 เดือน นับตั้งแต่ ก.ค.61 ที่มีเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต อีกทั้งยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ หลังทยอยปรับปรุง JW Marriott แล้วเสร็จแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.00 บาท คาดกำไรหลักปีนี้และปี 63 โตสดใส 14%/24% y-o-y
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ {แม้“ปิดบวก”ก็เพียงเล็กน้อย, และยังอยู่ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของSET50วันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แนวต้าน (กรณี“ฝืนขึ้น” ก่อน) 1085 – 1090 (หรือ 1095) จุด {แนวรับย่อย “1075 – 1070 (หรือ 1060)” จุด)}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ SCCC,SAWAD,DTAC,CENTEL หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MINT,RATCH,GOLD,HMPRO,SPRC,BJC,TTCL
หุ้นที่หลุด List PSL,KTC,TCMC ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ EGCO,PTL
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ANAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.30)
MODERN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 4.00)
In The News : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.62 เพิ่มเป็น 82.0
ควบรวม TMB & TBANK : ผู้ถือหุ้นเดิม TMB ทุกรายจะได้รับสิทธิเพิ่มทุนที่ส่วนลด
20% จากราคาตลาด
SPCG : เติบโตไม่มากแต่จ่ายปันผลได้สูง..คาด Yield ปี 62 ประมาณ 6%
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ติดตาม FN
New Listing : GSC
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- อังกฤษ: สภาโหวตคว่ำ BREXIT ที่นายกอังกฤษเสนอ
# สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 391-242 เสียงคว่ำข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำไว้กับผู้นำสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ ส่งผลให้รัฐสภาอังกฤษต้องทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลงหรือไม่
- สหรัฐ : หุ้นโบอื้งตกแรง หลังเกิดอุบัติเหตุ
# หุ้นโบอิ้งปิดตลาดร่วงลง 6.1% ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 157 รายเสียชีวิตทั้งหมด
# ทั้งนี้โบอิ้งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเนื่องจากสายการบินในหลายประเทศได้ระงับการใช้เครื่องบินBoeing 737 MAX 8 แม้สำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ (FAA) ได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นด้วยการออกหนังสือรับรองความสมควรเดินอากาศอย่างต่อเนื่อง (Continued Airworthiness Notification) ให้กับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวของบริษัทโบอิ้งก็ตาม
+ สหรัฐ : ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ.ปรับตัวขึ้นต่ำสุดในรอบ 2.5 ปี
# นักลงทุนคาดว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และหากเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559
-/+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง หลังราคาหุ้นโบอิ้งร่วง แต่ S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,554.66 จุด ลดลง 96.22 จุด หรือ -0.38% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,791.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.22 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,591.03 จุด เพิ่มขึ้น 32.97 จุด หรือ +0.44%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นโบอิ้งที่ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากเครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ประสบอุบัติเหตุตกและส่งผลให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก หลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐขยายต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น ซาอุเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 56.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 66.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) หลังจากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข่าวเวเนซุเอลาลดการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากประสบปัญหาไฟฟ้าดับทั่วประเทศ
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่1,298.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• ททท.: ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่ายังไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวระยะนี้ แต่จะกระทบหากยืดเยื้อ
# ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำรายงานการติดตามผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ต่อการเดินทางของตลาดต่างประเทศผ่านการสอบถามข้อมูลจากสำนักงาน ททท.ในพื้นที่พบว่าขณะนี้ตลาดนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อระยะยาว ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นไปได้ว่าอาจส่งผลกระทบ ในแง่ของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย จนเกิดการชะลอตัวหรือเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังประเทศคู่แข่ง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม ได้
+ การเมืองไทย: หากจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้สำเร็จ จะมีเงินทุนไหลเข้ามากเกิน 1 แสนล้านบาท
# ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย คาดเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทหากจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้สำเร็จ เหตุตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นขาขึ้น
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.62 เพิ่มเป็น 82.0
# ม.หอการค้าไทยเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.พ.อยู่ที่ 82.0 ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยเพิ่มจาก 80.7 ในเดือน ม.ค.62 ปัจจัยหนุน คือ การเลือกตั้ง การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และสภาพัฒน์ฯประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส4/62 ของไทยโตเพิ่มเป็น 3.7%YoY จาก 3.2%YoY ในไตรมาส 3/62 (ทั้งปี 61 เติบโต 4.1%), สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนผ่อนคลายลง, อัตราดอกเบี้ยไทยยังทรงตัวต่ำ และราคาพื้นผลการเกษตรหลายรายการดีขึ้น
# ส่วนปัจจัยที่กังวล คือ การส่งออกในเดือนม.ค. -5.65%, ราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ปัญหาสงครามการค้า ในแง่ที่อาจจะกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต, ความกังวลต่อสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและยังกระจุกตัว
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]