เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยเริ่มเห็นแรงซื้อกระจายในกลุ่มค้าปลีกนำโดย CPALL, HMPRO, GLOBAL และกลุ่มสื่ออย่าง WORK อย่างไรก็ตามกลุ่ม Global play ยังถูกกดดันต่อเนื่อง นำโดย PTTEP, PTTGC, TOP   ณ.สิ้นวัน ปิดตลาดที่ 1,627.4 จุด (-2.6 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.0 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 3.4 หมื่นลบ.

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นเป็นวันที่ 11 ที่ 320 ลบ. (สถาบันขายสุทธิ 297 ลบ.) พร้อมเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิที่ 11,247 สัญญา

 

 

กลุ่มค้าปลีกยังเด่น :  ภายหลังการรายงานผลประกอบการ 4Q18 ที่ผ่านมาภาพรวมพบว่ากลุ่มค้าปลีกอยู่ในเกณฑ์ดี เติบโต11%QoQ, +3%YoY ในขณะที่ปัจจุบัน 2M19 พบว่ายอดขายเฉลี่ยต่อสาขายังเติบโตดีต่อเนื่องในกรอบ 2-5% (BIGC 2%, CPALL 2-3%, GLOBAL 5%, HMPRO 3%, MAKRO 3%) นอกเหนือจากเป็นช่วงจับจ่ายใช้สอยแล้ว และนักท่องเที่ยวที่กลับมาทำระดับสูง ยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับขึ้น เราคาดแนวโน้มผลประกอบการ 1Q19 ผลประกอบการเติบโตประมาณ 10%YoY ในขณะที่เชิง Sentiment เราประเมินว่ากลุ่มค้าปลีก เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจำกัด (บวกอ่อน ๆ) ต่อผลลัพธ์จากเลือกตั้ง กล่าวคือเราประเมินว่ากลุ่มที่อิงการลงทุน (Investment) และการลงทุนภาครัฐ (Government spending) อาจได้รับผลกระทบต่อผลลัพธ์การจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม 2 กลุ่ม ที่คาดได้รับผลจำกัด นั่นคือ กลุ่มการท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ โดยเราให้ CPALL, BJC และ SPA เป็นตัวแทน 

สำหรับการลงทุนเดือนมีนาคม : เราประเมินกรอบการแกว่งตัว SET บริเวณ 1,620-1,680 จุด โดยคาดว่าจะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยการเมืองโลก/ในประเทศ คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเน้นลงทุนในกลุ่มไฟฟ้า (EGCO) , รถไฟฟ้า (BEM) กลุ่มท่องเที่ยว (SPA) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL) และเลือก PTTEP เป็นตัวแทน Global play

 

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา : หุ้น Boeing ร่วง 6% หลังเครื่องบินตกระหว่างเดินทางไปประเทศเคนยา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 หลังจากตกที่อินโดนีเซียในช่วงปลายปีที่ผ่านมา / 

Trading idea – – ทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีก หลัง 2M19 เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อ SSSG(%) แนะสะสม CPALL (86.0), BJC (65.0) / ทยอยสะสม NWR ราคา 1.30 บาท/หุ้น คาดกำไรปีนี้เติบโต 57% จาก Backlog ที่สูงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท รับรู้ในปีนี้สูงกว่า 8.0 พันล้านบาท และงานอื่นๆรวม 1.2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นระดับสูงสุด

 

ปิดหลุดแนวรับ 1630 ทำให้ Downside เปิดมากขึ้น:  ดัชนีปรับตัวลงในช่วงบ่ายจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรและขนส่ง ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับ Neckline ที่ 1630 ขณะนี้มองว่า Downside เปิดมากขึ้น เนื่องจากดัชนีมีแนวโน้มฟอร์มการกลับตัวลงแบบ Triple Top มองแนวรับถัดไปที่ 1615 และ 1600 ระหว่างวันหากหลุดแนวรับ 1625 แนะนำ Stop Loss หรือหาก Rebound ยังมองเป็นโอกาสขายลดพอร์ตเพื่อถือเงินสดให้มากขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายทำกำไรตามแนวต้านเพื่อเล่นรอบ และหากหลุด 1623 แนะนำขายทำกำไรหรือ Stop Loss   2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้ม เนื่องจากดัชนีใกล้หลุด Low ที่ 1623 คาดมีแรงขายกดลงต่อ แนะนำรอดูแนวโน้มที่แนวรับถัดๆไปจรนกว่าจะเริ่มหยุดลง

แนวรับ : 1600, 1615 แนวต้าน : 1635, 1645

 

ปัจจัยต่างประเทศ :  27 มี.ค. จับตา Trump พบ Xi Jinping เพื่อยุติสงครามการค้า

ปัจจัยในประเทศ :   13 มี.ค. จับตาความคืบหน้าการประมูลรถไฟ 3 สนามบิน / 24 มี.ค. เลือกตั้งประเทศไทย

BEC (6.55-6.65, Tp 6.90//7.20, Cut 6.45)

TTCL (6.85-7.00, Tp 7.25//7.50, Cut 6.75)

 

 

ข่าวเด่นเช้านี้

CENTEL จ่อซื้อรร.ที่ญี่ปุ่น แผน 3 ปีลงทุน 2.6 หมื่นล. (ข่าวหุ้น)

CENTEL กางแผน 3 ปี (62-64) ทุ่มงบ 26,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนธุรกิจโรงแรม-อาหาร-ซื้อกิจการในไทยและต่างประเทศ แย้มเจรจาซื้อกิจการโรงแรมในญี่ปุ่น เพื่อรับรอง เวิลด์ เอ็กซ์โป ที่โอซาก้า ในปี 68 ฟาก PF เร่งทำแคมเปญกระตุ้นยอดขาย คาดไตรมาส 1/62 โกยพรีเซล 4,500 ล้านบาท

 

ความเห็น : CENTEL วางเงินลงทุนปีละ 2-4 พันล้านบาท เพื่อลงทุนใน project ใหม่ และ M&A โดยมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนโรงแรมในญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ของ CENTEL ในส่วนของธุรกิจอาหารปีนี้จะเปิดตัว 3-4 brand ใหม่ เรายังแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 47 บาท เนื่องจากไตรมาส 1 ทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรม ยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่ ด้านเทคนิคแกว่ง sideway ในกรอบ 44-47 บาท   

 

ขยายสีน้ำเงินถึงสาย 4 เปิด TOR สีส้มมิ.ย.นี้ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)

 "ไพรินทร์" ยันเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยาย "หัวลำโพง-บางแค" วันที่ 30 ก.ย.62 คาดเพิ่มผู้โดยสาร ช่วงเตาปูน-หัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค แตะ 6 แสนคนต่อวัน เผยหากทะลุถึง 1 ล้านคนต่อวัน เตรียมเจรจา BEM ลงทุนต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 พร้อมเร่ง PPP สายสีส้ม เปิด TOR ประมูล มิ.ย.นี้ ส่วนสายสีชมพู-เหลือง ก่อสร้างล่าช้ากว่าแผน 4% เหตุติดปัญหาการเข้าพื้นที่ช่วงถนนแจ้งวัฒนะและศรีนครินทร์

 

ความเห็น :   โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟ้ฟ้าสายสีม่วงใต้ สายสีส้มตะวันตก และ รถไฟทางคู่เฟสสอง ยังล่าช้ากว่าแผน แต่ก็ค่อย ๆ คืบหน้า คาดจะทยอยเปิดประมูล ช่วยเพิ่มงานในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง  เราให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่ากับตลาด  สำหรับหุ้นที่เราเลือกเป็น Top Pick ในกลุ่ม คือ STEC (เป้าหมาย 29 บาท) จากแนวโน้มผลประกอบการในปี 2562 จะเติบโตสูง

 

EA เปิดจองรถยนต์ไฟฟ้า ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ (ข่าวหุ้น)

EA เตรียมให้เปิดจองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MINE MVP ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-7 เม.ย.นี้ คาดยอดขายกว่า 4,000-5,000 คัน เดินหน้าโรงงานแบตเตอรี่ตามแผน เล็งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปลายปีนี้ พร้อมทุ่ม 1,000 ล้านบาท ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดในเมียนมา-เวียดนาม ลั่นชัดเจนภายในปีนี้               

 

ความเห็น :  พัฒนาการข้างต้นเป็นไปตามแผนที่ผู้บริหารตั้งไว้ก่อนหน้า เช่นเดียวกับการประกอบเรือไฟฟ้าเพื่อทดลองเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่คาดว่าจะเปิดใช้ได้ในช่วง 4Q62  และโรงไฟฟ้า Hybrid ในต่างประเทศ เพื่อเป็นการทดลองตลาด และยืนยันว่าแบตเตอรี่ของบริษัทสามารถใช้งานได้จริงก่อนโรงงานผลิตแบตเตอรี่จะเสร็จในช่วงปลายปี  เป็นช่วงที่บริษัทเข้าสู่การลงทุนครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตและกำไรของบริษัทใน 2-3 ปีข้างหน้า   ภาพระยะสั้นในปีนี้ และ 1Q62 กำไรยังขยายตัว และถูกขับเคลื่อนโดยโรงไฟฟ้าเป็นหลัก แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐาน 52 บาท เทคนิคสร้างฐานในกรอบ 45-51 บาท

 

CKP เผยหุ้นกู้บ.ย่อย 'โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2' นลท.จองเกิน 2 เท่า (ทันหุ้น)

CKP เผยหุ้นกู้บริษัทย่อย "ไฟฟ้าน้ำงึม 2" มูลค่า 6,000 ล้านบาท ยังฮอต นักลงทุนสถาบันแห่จองเกินกว่า 2 เท่า มั่นใจผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยจูงใจ สูงสุด 3.88%

 

ความเห็น :  การ Refinance หุ้นกู้ 6,000 ล้านบาท จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยลงประมาณ 0.1% เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนผลประกอบการของ NN2 นอกเหนือไปจากปริมาณน้ำในเขื่อน ณ. สิ้นปี 2561 ที่มีปริมาณมาก ช่วยหนุนการผลิตในช่วง 1H62 และการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอีกประมาณ 7.8% โดยเฉลี่ย เราแนะนำ Trading Buy เป้าหมาย 5 บาท เทคนิคแกว่งในกรอบ แนวรับ 4.66 ต้าน 5.0 บาท 

 

 

'จีพีเอสซี' หั่นราคาซื้อโกลว์ (กรุงเทพธุรกิจ)

"จีพีเอสซี" หั่นราคา ซื้อโกลว์พลังงานเหลือ 91.99 บาทต่อหุ้น เพื่อสะท้อนทรัพย์สินโกลว์ที่ลดลงจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้า เอสพีพี 1 เตรียมทำเทนเดอร์ฯอีกจำนวน 451.88 ล้านหุ้น ด้านนักวิเคราะห์ชี้ส่งผลดีระยะยาว

 

ความเห็น :  เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวนี้ เนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่าการดำเนินการซื้อ GLOW มีโอกาสสำเร็จ หลัง กกพ. มีมติในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยอมรับเงื่อนไขการขาย GLOW SPP1 ออกไปให้ผู้ประกอบการรายอื่น เชิงกลยุทธ์เราแนะนำ ถือ เพื่อรอความชัดเจนของ Synergy หลังควบรวม และรายละเอียดการเพิ่มทุน รวมถึงโอกาสเติบโตต่อในระยะยาว ในกลุ่มโรงไฟฟ้า EGCO เป็น Top Pick ของเรา