- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 March 2019 21:54
- Hits: 4965
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
หุ้นโลกลงด้วยผิดหวังถ้อยแถลงเฟด
เมื่อวานดัชนีฯลงแย่กว่าคาด หลุดแนวรับที่ประเมิน และปิดต่ำ นำลงโดยหุ้นใหญ่อย่าง PTT KBANK CPALL IVL KTB และต่างชาติขายต่อเนื่องอีก 2 พันล้านบาท โดยหุ้นไทยลงสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค อย่าง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ที่ปิดบวก
วันนี้ คาดหุ้นไทย "ลงต่อ ตามหุ้นโลก" จากผิดหวังถ้อยแถลงเฟดในรายงานภาวะเศรษฐกิจเมื่อคืน บวกกับ ราคาน้ำมันที่ลดลง จากความวิตกเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวและสต็อกน้ำมันสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาด กลุ่มนำตลาดลงวันนี้ คาดได้แก่ พลังงาน Upstream และหุ้นที่เป็นตัวแทนแรงขายต่างชาติ เช่น แบงก์ใหญ่ ตลอดจนหุ้นที่ ราคาลอยอยู่ข้างบน เช่น GULF BTS BEM ซึ่งเราแนะนำล็อกกำไรไปแล้วตามพอร์ตจำลองรายวัน (ดูรายชื่อหุ้นในตารางพอร์ต "รายวัน" ด้านในรายงาน) ส่วนกลยุทธ์ ระยะสั้น แนะ เลือกลงทุนรายตัว โดยขยับมาดูหุ้น กลาง เล็กประเภท Alpha และ หุ้นที่ Laggard ของแต่ละกลุ่ม
ส่วนสัปดาห์นี้ ดัชนีฯลงหลุด 1,630 จุด ผิดจากที่เราให้น้ำหนัก 60% ว่าจะไม่หลุด ทำให้การพักฐานรอบนี้อาจจะแย่ และกินเวลานานกว่าที่ประเมิน รอลุ้น แนวรับ Trend line ถัดไป แถว 1,618 จุด กลยุทธ์ แนะ เลือกหุ้นลงทุนเป็นรายตัว เน้นตามประเด็นการลงทุนที่แนะ หุ้น กลาง-เล็ก ประเภท Alpha ไปก่อนหน้านี้
What to watch:
(*) ศาล รธน.นัด แถลงด้วยวาจา และ ลงมติ วินิฉัย คำร้อง ยุบพรรค ทษช.วันที่ 7 มีค.นี้
(+) FTSE เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จาก 1.83% สู่ระดับ 1.87% โดยหุ้นเข้าคำนวณ Large Cap Index ได้แก่ HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF ส่วนหุ้นเข้า Mid cap index ได้แก่ MTC, GPSC มีผลวันที่ 15 มี.ค.
(-) รายงานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือ FED Beige book ระบุแนวโน้ม GDP 1Q19 ที่มีความเสี่ยงด้านล่างจะแย่กว่าคาด เป็นผลจาก การปิดหน่วยงานรัฐฯจาก Government shutdown ภาวะอากาศหนาวจัดผิดปกติส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, การค้าโลกชะลอตัว ซึ่งในแถลงการณ์นี้ ไม่ได้ระบุถึงแนวทางแก้ปัญหาผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายแต่อย่างใด ซึ่งสร้างความผิดหวัง และเพิ่ม ความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวให้กับตลาด
(+) วันนี้ มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB
(+) เดือน มีค. (คาดช่วงกลางเดือนรู้ผล) MSCI จะพิจารณานำ กระดาน NVDR มารวมคำนวณในดัชนีฯ MSCI Thailand / รอลุ้นถ้ารวมคำนวณจริงคาด น้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จาก 2.5% บลจ.บัวหลวง คาดดึงดูดเม็ดเงินต่างชาตเข้าไทย 6.4 หมื่นล้านบาท
หุ้นแนะนำ
GPSC กกพ.อนุมัติควบรวม GLOW แล้ว หลังจาก GLOW ขายโรงไฟฟา SPP1 ออกไปให้ BGRIM / GPSC เป็นอีก 1 หุ้นโรงไฟฟาที่ Laggard ในกลุ่มโรงไฟฟา ซึ่งในมุมมองกลยุทธ์ เราเริ่มเห็นแรงขายออกจากโรงไฟฟาที่ราคาหุ้นลอยอยู่ข้างบน เช่น GULF และคาดว่าจะมี Flows Rotation เปลี่ยนมาพักเงินในโรงไฟฟาตัวล่างๆ แทน / GPSC ถูกนำเข้าคำนวณใน FTSE mid cap มีผล 15 มีค.
BJC คาด Consensus จะมีมุมมองเชิงบวก หลังประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน คาดจะมี Flows upgrade recommendation ตามมาหลังจากนี้
TOP เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 72 แนวต้าน 75 Stop loss 70
รายงานวันนี้
BJC: Relatively cheap
ปี 2019 ดูเหมือนจะเป็นปีที่ดีอีกปีของ BJC ต้นทุนพลังงานและราคาวัตถุดิบที่ลดลง กอปรกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น น่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจากปีก่อน ส่วนแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศนั้น บริษัทมีแผนเปิด Big C hypermarket แห่งแรกที่กัมพูชาในเดือนตุลาคมนี้ ในขณะที่จะเปลี่ยน M Point mart ซึ่งเป็น convenience store ในลาวทั้ง 46 สาขาเป็น Mini BigC ภายใน 2Q19 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความกังวลเรื่องปริมาณขายของกระป๋องที่จะลดลง เนื่องจาก CBG ทำโรงงานของตัวเอง และสัดส่วนยอดขายให้ CBG สูงถึง 30% อย่างไรก็ตาม BJC สามารถที่จะหาลูกค้ามาทดแทนได้รวมถึง CBG ยังคงสั่งซื้อสินค้าจาก BJC เนื่องจากโรงงานต้องใช้เวลาในการเพิ่มอัตราการผลิตซึ่งคาดจะใช้เต็มกำลังใน 2H19 ซึ่งแม้ว่าปริมาณสั่งซื้อของ CBG จะลดลง 50% หรือคิดเป็น 15% ของปริมาณขายของ BJC ทั้งหมด เราเชื่อว่ายอดขายจะไม่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เรามองว่า BJC เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในกลุ่มค้าปลีกในปีนี้ หากเทียบกับตัวใหญ่ด้วยการอย่าง CPALL แล้ว ทั้งสองบริษัทมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันแต่ BJC ซื้อขายในระดับ PER ที่ถูกกว่า เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเปาหมายที่ 60 บาท
PTTEP: FID of LNG plant in Mozambique would mean much more than you think!
เรามีความมั่นในว่าการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในโครงการโมซัมบิคจะอยู่ในช่วงกลางปี หรืออาจเร็วกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดคลายกังวลในเรื่องที่กังวลกับบรัษัทมากที่สุดคือเรื่อง Reserve life ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 5 ปี เป็น 6.5 ปีในทันที ซึ่งข้อมูลในอดีตชี้ว่าหุ้นจะ Re-rate PBv ขึ้นสอดคล้องกับ Reserve life ที่เพิ่มขึ้นถึง 92% แนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 157 บาท
PTT กระทรวงพลังงานเล็งยกเลิการให้ส่วนลดราคา NGV สำหรับรถสาธารณะ
กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณายกเลิกการให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับรถสาธารณะ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจาก PTT เป็นผู้แบกรับภาระส่วนลดดังกล่าวปีละกว่า 2 พันล้านบาท โดยเบื้องต้น เราคาดว่าประมาณการกำไรของ PTT จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากประมาณการปัจจุบันของเรา และราคาเปาหมายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้มูลค่าในปัจจุบันยังคงไม่แพง โดยซื้อขาย PER ปี 2019 ที่ 10.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 11.7 เท่า พร้อมด้วยอัตราตอบแทนจากเงินปันผลปี 2019 ที่ 3.9% (เทียบกับตลาดที่ 3.1%) เรามองว่ามีอัพไซต์สำหรับเงินปันผลซึ่งอาจส่งผลเชิงบวกต่อราคาหุ้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเปาหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 60 บาท
M ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ยอดขายสาขาเดิมเริ่มเห็นการฟืนตัว และบริษัทตั้งเปารายได้เติบโต 7-8% ปี 2019 และการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 3% สำหรับร้านเอ็มเคสุกี้ และ 4% สำหรับยาโยอิ รวมถึงมีแผนเปิดสาขาใหม่ 50 แห่ง ผู้บริหารมั่นใจคงอัตรากำไรขั้นต้นแข็งแกร่งในปี 2019 หนุนจากการปรับราคาเมนูอาหารขึ้นเฉลี่ย 2% บริษัทตั้งเปาซื้อกิจการในปีนี้ซึ่งเน้นธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้เงินปันผลที่ดี ยอดขายสาขาเดิมที่เริ่มฟืนตัว และแนวโน้มกำไรใน 1Q19 ดีต่อเนื่อง รวมถึงอัพไซด์ที่คาดว่ามาจากการเข้าซื้อกิจการเป็นปัจจัยที่จะหนุนราคาหุ้น ขณะนี้หุ้นซื้อขายในระดับที่ไม่แพงที่ PER ปี 2019 ที่ 23.6 เท่า เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเปาหมายสิ้นปี 2019 ที่ 86 บาท
ICT กสทช.เรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 MHz
ประชุมกสทช. มีมติที่จะทำการเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 MHz จาก MCOT กรมการทหารสื่อสาร ที่กองทัพบก และกรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เราประเมินเงินค่าเยียวยาที่ MCOT จะได้รับคืนจากกสทช. คิดเป็น 1-5 พันล้านบาท ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ MCOT เท่ากับ 1.5-7.3 บาทต่อหุ้น เรามองว่าเงินค่าเยียวยาจะถูกนำไปลงทุนในธุรกิจทีวี ไม่ใช่จ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษ ดังนั้นจึงเป็นแค่การเก็งกำไรหุ้น MCOT ระยะสั้นเท่านั้น ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของ MCOT เรายังคงมุมมองลบสำหรับธุรกิจทีวีของ MCOT สำหรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เรามองว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 รายยังคงไม่สนใจที่จะเข้าประมูลคลื่นความถี่ใหม่ตอนนี้ เนื่องจากมีคลื่นความถี่เพียงพอสำหรับการให้บริการ 4G ปัจจุบันแล้ว และกรณี 5G ยังคงไม่มีความชัดเจน ดังนั้นจึงยังคงไม่ต้องรีบร้อนเข้าประมูล 5G
ITEL ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day
1) ธุรกิจ Data service รายได้แตะ 1 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้บริษัทมีสัญญาเข้ามาเพิ่มขึ้น และรายได้ Recurring จากอินเตอร์เน็ตชายขอบ เฟส1 2) ธุรกิจติดตั้งอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง 700-1000 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ค่าติดตั้งงานอินเตอร์เน็ตห่างไกล 3) Data center ประเด็นที่ต้องติดตามคือการควบรวม TMB และ ธ.ธนชาตจะส่งผลบวกแค่ไหน เพราะ TMB เป็นลูกค้า ITEL และ4) เมื่อวานนี้ กสทช.มีมติให้นำค่าใช้จ่ายเช่าท่อใต้ดินและนำสายลงดินมาหักค่าใช้จ่าย USO ได้ไม่เกิน 200 ล้านบาท/ปี ซึ่งทุกวันนี้บริษัทจ่ายค่า USO ปีละ 30-40 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายนำสายลงดินปีละ 15 ล้านบาท บริษัทจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตามมติกสทช.นี้ได้ เราคาดบริษัทจะมีกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งประเด็นที่ตลาดมีความกังวลมาตลอดได้คลี่คลายลงคือสามารถประหยัดค่าเอาสายลงดินได้ เราแนะนำ "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(*) บง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) แจ้งมติให้ลดทุนจดทะเบียนโดยลดหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรหุ้นปันผล หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนเป็น 2.76 พันล้านบาท จากเดิม 1.1 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 330.75 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 5 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 18 บาท เสนอขายระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.62 เพื่อเสริมสร้างเงินกองทุนของบริษัทให้แกร่งขึ้น และรองรับการใช้ขยายกิจการ
คาดบริษัทจะได้เงินเพิ่มทุนประมาณ 5.94 พันล้านบาท และคาด SAWAD จะใส่เงินเพิ่มทุนราว 3 พันล้านบาท โดยมีเงินสนับสนุนก่อนหน้าจะ กลุ่มคาเธ่ย์ อยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีปัญหาในการใส่เงินเพิ่มทุน และคาดจะมีผลบวกหาก เก็บหุ้น RO แล้วสัดส่วนเกิน 50% ขึ้นไป อาจต้องตั้งโต๊ะเทนเดอร์อีกครั้ง แต่เรามองในแง่ของ กำไรที่จะรับรู้เพิ่ม น่าจะเป็นบวกต่อ SAWAD
(*) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เผย กบง.ได้มีการตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาและปรับปรุงนโยบายลอยตัวก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่มีการใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของการชดเชยราคาเอ็นจีวี สำหรับรถขนส่งสาธารณะ ซึ่งปัจจุบัน ปตท. เป็นผู้รับภาระในส่วนนี้อยู่
เราคาดว่าข่าวนี้เป็นจิตวิทยาบวกต่อราคาหุ้น PTT ซึ่งหากการเลิกชดเชย NGV ทำได้จริง จากการผลักภาระไปที่บัตร สวัสดิการแห่งรัฐฯ จะทำให้ PTT ไม่ต้องอุดหนุน ผลขายดทุน NGV ปีละ 2000 ล้านบาท อีกต่อ ไป คาดเพิ่มกำไรให้ PTT ราว 2% ต่อปี (ที่มา ข่าวสด)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1625.51 (-0.82%) มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,615 แนวต้าน 1,630 / SET100 รับ 2,365 ต้าน 2,390
BSET100 รับ 10.35 ต้าน 10.44 / BMSCITH รับ 12.25 ต้าน 12.34
Topic: "How can make a profit in a volatile market"
มุมมองตลาด: เราสามารถทำกำไรจากภาวะตลาดผันผวนได้อย่างไร? ในภาวะตลาดผันผวนเราจะเน้นหุ้นที่มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งเนื่องจากจังหวะที่ตลาดปรับลงหุ้นกลุ่มนี้จะลงน้อยหรือกรณีตลาดฟืนตัวหุ้นที่มีค่าความแข็งแกร่งจะปรับตัวได้ดีกว่า ปัจจุบันเราพบว่าหุ้นที่โดดเด่นจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยนช์ในช่วงฤดูกาล "High season" เช่น ท่องเที่ยว, ปิโตรเคมี,โรงกลั่นและเดินเรือ ในส่วนภาวะตลาดจะลงไปถึงไหน? ให้สังเกตจากค่าเงินบาทที่เริ่มส่งสัญญาณกลับข้างหรือแข็งค่า ขณะที่ตัวเลข Fibonacci ratio ชี้ว่าบาทมีโอกาสอ่อนค่าไปที่ 31.9 หรือ 32.20 บาท/ดอลลาร์ แนะรอสัญญาณฟืนตัวของตลาดโดยให้แนวรับที่ 1600 แนวต้าน 1640 จุด
กลยุทธ์: เลือกลงทุนและต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากโครงสร้างดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลง
วิธีการเลือกหุ้น: 1.กลุ่มที่ได้ประโยนช์เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูกาล 2.กลุ่มที่ราคาส่งสัญญาณฟืนตัวบริเวณแนวรับ
Technical signal recovery: IVL, BEAUTY, TRUE
Technical signal bearish: KBANK, KTB, BEM (close below 5&25-days EMA )
Port หุ้นคงเหลือแนะถือต่อ: PTTGC, IVL, TASCO, UTP, DTAC, PSL, JMT, PRM, BJC, RS, ESSO, SPRC, TCAP
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
IVL
แนะนำ ซื้อ
รับ 48.50
ต้าน 55.00
เหตุผล ปรับลงทดสอบแนวรับสำคัญ 48.5 บ.ตรงกับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน (25-days EMA) ลุ้นการดีดกลับ
BEAUTY
แนะนำ ซื้อ
รับ 6.50
ต้าน 7.10
เหตุผล วอลุ่มชะลอลงเนื่องจากราคาปรับลงเข้าใกล้จุดรับสำคัญ 6.5 ลุ้นฟืนตัวกลับ
TRUE
แนะนำ ซื้อ
รับ 4.86
ต้าน 5.20
เหตุผล สร้างฐานยืนได้ดีในช่วงภาวะตลาดผันผวน กราฟแท่งเทียนส่งสัญญาณกลับกลับตัว "Bullish Tri Star"