WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate on Weakness and Hold
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยในช่วงครึ่งเช้าเคลื่อนไหวในแดนลบก่อนที่ช่วงบ่ายจะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาและหนุนให้ดัชนีเริ่มเกิด Technical Rebound จากบริเวณแนวรับ 1,630-1,635 จุดได้ตามคาดและปิดบวก 3.70 จุด อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.7 พันลบ. (แต่ Short ใน Index Future ลดลงเหลือ 1.6 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศเริ่มพลิกมาซื้อ 911 ลบ. 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องโดยยังต้องติดตามประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนว่าใกล้จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ตามกระแสข่าวหรือไม่ รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศที่ต้องติดตามในช่วง 2 วันนี้ทั้งการไต่สวนยุบพรรคอนาคตใหม่และคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศตึงเครียดทางการเมือง ขณะที่กระแสเงินทุนยังอยู่ในทิศทางไหลออก ทำให้การปรับขึ้นของดัชนีในระยะนี้คาดว่ายังจำกัด 
          กลยุทธ์ : สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มบริเวณฐานแนวรับและเน้นถือต่อเนื่อง
          หุ้นเด่นเดือน มี.ค : EA, ERW, PLANB, RS, TVO
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาคหนาแน่น US$760ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$429ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$55ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาครอติดตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PRM <<
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท (ตัดขาดทุน 6.30 บาท)
          - มีสัญญาณบวกในทุกธุรกิจทั้ง FSU ที่ได้แรงหนุนจากมาตรการ IMO ที่มีการใช้เรือของ PRM ผสมและจัดเก็บน้ำมันให้มีค่ากำมะถันต่ำกว่า 0.5%, เรือขนส่งระหว่างประเทศมีการปล่อยเช่าแบบ Time Charter เพื่อลดภาระต้นทุน, เรือ Offshore มีความต้องการใช้บริการเต็มแล้ว 
          - เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการหลังประชุมนักวิเคราะห์ 8 มี.ค. 19
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (0) MSCI จะทยอยเพิ่มน้ำหนัก China A shares จาก 5% เป็น 20% ในปีนี้ โดยจะเพิ่มทีละ 5% คือ พ.ค., ส.ค., และ พ.ย. คาดกันว่าจะมีเงินเข้าตลาดหุ้นจีนราว US$8 หมื่นล้าน และลดตลาดอื่นลง ส่งผลให้กระแสเงินไหลออกจาก TIP ในช่วงนี้ แต่ระยะถัดไปหุ้นไทยอาจมีข่าวดีตรงที่ MSCI กำลังพิจารณานำ NVDR เข้ามาคำนวณ ถ้าสรุปได้ น้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI EM อาจเพิ่มเป็น 3% จากปัจจุบัน 2.5% ในรอบการพิจารณาเดือน พ.ค. คิดเป็นกระแสเงินส่วนเพิ่มที่จะเข้ามาใน SET ราว US$2พันล้าน และหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้ามาคำนวณเพิ่มคือ INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL
          (-) Dollar Index ขึ้นแรง กดทองลง และกระตุ้น Flow ไหลออก โดย Dollar Index ได้แรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกในประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัว หากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรงวด ก.พ. 19 ที่จะเปิดเผยศุกร์นี้ มากกว่าคาดการณ์ที่ 180,000 คน จะหนุนให้ Dollar Index ขึ้นต่อ และฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลงหา $1,250-1,260/Oz ที่เป็นแนวรับสำคัญ ส่วนผลกระทบต่อ SET Index จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าเข้าใกล้ 32 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ และกระตุ้นให้กระแสเงินไหลออกต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดยอดสะสม YTD พลิกมาขายสุทธิ 1,854 ลบ.  
          (0) กลุ่มสื่อสารฯ บอร์ดกสทช.มีมติเห็นชอบเรียกคืนคลื่น 2600 MHz จาก MCOT-กองทัพบก-กองทัพไทย จำนวน 190 MHz เพื่อนำมาประมูล 5G เรามีมุมมองเป็นกลางเนื่องจากปัจจุบัน Mobiles Operators ยังมีภาระหนี้ที่ต้องชำระค่าคลื่นจากการประมูลคลื่นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอยู่มากพอสมควร และปริมาณคลื่นยังเพียงพอในการให้บริการในปัจจุบัน รวมถึงยังไม่เห็น Use Case จากบริการ 5G ที่จะสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นเราไม่คิดว่า Mobile Operators จะต้องรีบเข้าประมูลในปีนี้ เว้นแต่ว่า หลักเกณฑ์และราคาประมูลจะถูกลงอย่างมาก เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเพียง Neutral และ ADVANC (ราคาเหมาะสม 200 บาท) ดูปลอดภัยและมั่นคงที่สุด 
          (+) BEC ราคาหุ้นวานนี้ปรับขึ้น 6% รับข่าวที่ประชุมบอร์ดแต่งตั้งนายอริยะ พนมยงค์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการ มีผลตั้งแต่ 2 พ.ค. ด้วยประสบการใน LINE และแวดวง IT  จึงมีความคาดหวังว่าการเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ แต่เรามองว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์ ในการเพิ่มรายได้หลักจากโฆษณาทีวี (สัดส่วนรายได้ 82-85%) ที่ได้รับผลกระทบจาก Technology Disrupt, Rating ที่ฟื้นช้า, และการเพิ่มรายได้ Non-Ad คือรายได้ On Line และการขาย Content ไปต่างประเทศ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 311 ลบ. ฟื้นจากฐานต่ำมากในปีก่อน และด้วยราคาหุ้นปัจจุบันที่เต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเราที่ 5.50 บาท และคิดเป็น PE2019 สูงถึง 40 เท่า จึงยังแนะนำขายตามเดิม
          (+) FTE การรับรู้รายได้ใน 1Q19 ยังโดดเด่นต่อเนื่อง เพราะมีงานค้างจาก 4Q18 บวกกับงานใหม่ที่คาดว่าจะรับรู้รวมกันราว 150 ลบ. และเหลือ Backlog รอรับรู้ไปจนถึงปี 2020 ราว 420 ลบ. ซึ่งถือเป็นระดับที่ค่อนข้าง Secure เมื่อเทียบกับ Backlog แต่ละช่วงเวลาในอดีต โดยกลุ่มลูกค้าใหม่ในโรงงานต่างๆ จะเป็นลูกค้าเป้าหมายหลักของปีนี้ เพื่อลดการพึ่งพิงงานจาก กฟผ. ที่เริ่มเหลือน้อยลง ส่วนการสร้างโกดังเก็บของแทนการเช่า คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 3 ลบ./ปี เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้ 142 ลบ. +9% Y-Y แนะนำซื้อ ในฐานะหุ้นปันผลดี สำหรับงวด 2H18 จ่ายที่ 0.11 บาท คิดเป็น Yield 5% ขึ้น XD 10 เม.ย. 19 
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 มี.ค.   - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ธ.ค.)
7 มี.ค.   - ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ
         - ยูโรโซน: 4Q18 GDP ครั้งที่ 3, และ ECB Press Conference 
8 มี.ค.   - สหรัฐฯ: ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.)
         - จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
9 มี.ค.   - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
 
          (-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงเล็กน้อย 13.02 จุด นักลงทุนรอความชัดเจนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
          (0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับข่าวสหรัฐ-จีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า
          (-) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมผสานคาดหวังการเจราการค้า
          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ 31.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลงเล็กน้อย 3 เซนต์ มาปิดที่ 56.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
          (-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ มาปิดที่ 1284.7 ดอลลาร์/ออนซ์
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  
          Register : 014530
          Tel: 02-646-9966
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!